นายบุญชัย ปัณฑุรอัมพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซาบีน่า จำกัด (มหาชน) หรือ SABINA เปิดเผยว่า หลังจากเผชิญกับวิกฤติการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่หรือโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบกับธุรกิจในช่วงที่ผ่านมา ทำให้บริษัทฯ ต้องติดตามยอดขายจากช่องทางต่างๆ อย่างใกล้ชิดแบบเดือนต่อเดือน โดยพบว่า ในช่วงไตรมาสที่ 3 ระหว่างเดือนกรกฎาคมและสิงหาคม แนวโน้มการขายสินค้าของซาบีน่าดีขึ้นตามลำดับ ทำให้ในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ ยอดขายในช่องทางต่างๆ กลับมาแล้วถึง 90% ซึ่งปัจจัยสำคัญนอกจากจะมาจากการคลายล็อคดาวน์ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจเริ่มเดินหน้าไปได้บ้างแล้ว ส่วนหนึ่งยังมาจากสินค้าของซาบีน่าสามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า โดยเฉพาะในเรื่องของคุณภาพและราคาที่สอดคล้องกับรายได้ของผู้บริโภคในปัจจุบัน
“ยอดขายที่กลับมา 90% นั้นต้องยอมรับว่า มาจากราคาสินค้าของเราแมทช์กับรายได้ของลูกค้า ทำให้ลูกค้าเข้าถึงและตัดสินใจซื้อได้ง่าย ขณะที่ช่วงเดือนกันยายน มีโปรโมชั่นวันที่ 9 เดือน 9 ซึ่งสินค้าของซาบีน่าทำยอดขายได้อย่างคึกคักผ่านช่องทางออนไลน์ และเป็นสินค้าที่มียอดขายสูงสุดขึ้นอันดับหนึ่งในแพลตฟอร์มออนไลน์ชั้นนำอย่างลาซาด้า และช้อปปี้ ซึ่งไม่ได้ขายดีเฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น และยังขายดีในเวียดนามอีกด้วย อย่างไรก็ตาม การที่ยอดขายในไตรมาสที่ 4 ซึ่งเป็นโค้งสุดท้ายของปีจะกลับมาได้ 100% หรือไม่ ขึ้นอยู่กับ 3 ปัจจัยที่เรากำลังจับตาอย่างใกล้ชิด ได้แก่ การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในระลอกที่ 2 และ 3 รวมถึงการกลายพันธุ์และความคืบหน้าในการผลิตวัคซีน ปัจจัยถัดมาเป็นเรื่องความตึงเครียดของสหรัฐฯกับจีน ที่จะกระทบการลงทุนการค้าของโลก ส่วนปัจจัยสุดท้ายเป็นเรื่องของสถานการณ์การเมืองในประเทศ ที่ต้องติดตามว่าการชุมนุมในวันที่ 19 กันยายนนี้จะขยายผลหรือไม่ โดยหากว่าทั้ง 3 ปัจจัยอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ ก็เชื่อว่า โอกาสที่ยอดขายจะกลับมา 100% ในไตรมาสสุดท้ายจะมีความเป็นไปได้มาก” นายบุญชัยกล่าว
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ซาบีน่า ยังกล่าวถึงกรณีที่หุ้น SABINA ได้รับการคัดเลือกให้เป็นหุ้นเข้าใหม่ที่ติดอันดับการคำนวณดัชนี FTSE Micro Cap ที่จะเริ่มคำนวณในวันที่ 18 กันยายนนี้ว่า เป็นเรื่องที่น่ายินดี แม้ว่า ดัชนีดังกล่าวอาจจจะไม่ได้มีผลกับการเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้น SABINA อย่างมีนัยสำคัญ แต่สะท้อนให้เห็นว่า หุ้น SABINA เป็นหุ้นที่นักลงทุนสถาบันและนักลงทุนต่างชาติจับตามองมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งที่ผ่านมา ยอมรับว่ามีนักลงทุนสถาบันและกองทุนต่างชาติติดต่อขอข้อมูลบริษัทฯ อย่างต่อเนื่อง เพราะการตัดสินใจลงทุนของนักลงทุนกลุ่มนี้นอกจากจะให้ความสำคัญกับแนวโน้มของอุตสาหกรรม รวมถึงศักยภาพในการเติบโตของบริษัทฯ แล้ว ยังพิจารณาจากหลักความยั่งยืนของกิจการ รวมถึงธรรมาภิบาลของบริษัทฯ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ล่าสุด ซาบีน่าได้รับการจัดอันดับหุ้นยั่งยืน ESG100 ประจำปี 2563 จากสถาบันไทยพัฒน์ มูลนิธิบูรณะชนบทแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ อีกด้วย