จีนเชิญชวนทั่วโลกร่วมการปฏิวัติสีเขียวในยุคหลังโควิด-19

ศุกร์ ๒๕ กันยายน ๒๐๒๐ ๑๕:๒๕
ในช่วงเวลาที่ทั่วโลกกำลังหาทางฟื้นฟูเศรษฐกิจท่ามกลางการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จีนขอเชิญชวนทั่วโลกร่วมการปฏิวัติสีเขียว และได้ให้คำมั่นเพื่อปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ให้ได้ก่อนปี 2603

อ่านบทความต้นฉบับได้ที่ https://news.cgtn.com/news/2020-09-22/Xi-Jinping-China-aims-to-achieve-carbon-neutrality-by-2060-TZX22EfJiE/index.html

นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน แถลงผ่านวิดีโอลิงก์ต่อการอภิปรายทั่วไปในการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ ครั้งที่ 75 เมื่อวันอังคารที่ผ่านมาว่า “โควิด-19 ได้ย้ำเตือนให้มนุษยชาติตระหนักว่า เราควรเริ่มการปฏิวัติสีเขียวและดำเนินการให้เร็ว เพื่อก่อให้เกิดวิถีชีวิตและการพัฒนาที่ดีกับสิ่งแวดล้อม”

ปธน.สี ได้เชิญชวนให้ทุกประเทศ “ดำเนินการอย่างแน่วแน่” เพื่อปฏิบัติตามความตกลงปารีสปี 2558 ว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งเกือบ 200 ประเทศได้ให้คำมั่นเพื่อควบคุมการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ไม่ให้อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกเพิ่มขึ้นเกิน 2 องศาเซลเซียสเมื่อสิ้นศตวรรษนี้ โดยเทียบกับช่วงก่อนการปฏิวัติอุตสาหกรรม และพยายามจำกัดให้อุณภูมิโลกต่ำกว่านั้นประมาณ 1.5 องศา

ปธน.สี กล่าวว่า จีนมีเป้าหมายเพื่อ “ปล่อยก๊าซ CO2 ถึงระดับสูงสุดก่อนปี 2573 และปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ให้ได้ก่อนปี 2603”

เขายังได้เรียกร้องให้ “เศรษฐกิจโลกฟื้นฟูอย่างเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในยุคหลังโควิด-19” และเชิญชวนให้ทุกประเทศร่วมบรรลุการพัฒนาอย่างยั่งยืน

ถ้อยแถลงของปธน.สี ได้รับคำชื่นชมอย่างมาก โดยคุณท็อดด์ สเติร์น ผู้แทนด้านสภาพภูมิอากาศของสหรัฐสมัยประธานาธิบดีบารัค โอบามา ซึ่งมีบทบาทเบื้องหลังข้อตกลงว่าด้วยสภาพภูมิอากาศระดับทวิภาคีกับจีนเมื่อปี 2557 กล่าวว่า “ถ้อยแถลงของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง วันนี้ที่ว่าจีนตั้งใจปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ให้ได้ก่อนปี 2603 นั้นเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่และสำคัญมาก” โดยเขายกให้ถ้อยแถลงดังกล่าวเป็นความก้าวหน้าที่ “สร้างแรงจูงใจ”

ถ้อยแถลงของปธน.สี ยังเป็นที่ชื่นชมยินดีจากสหภาพยุโรปด้วยเช่นกัน โดยคุณฟรานส์ ทิมเมอร์มานส์ รองประธาน European Green Deal กล่าวว่า “ผมขอชื่นชมถ้อยแถลงของประธานาธิบดีสี ที่ว่าจีนได้กำหนดช่วงเวลาที่การปล่อยก๊าซ CO2 จะถึงระดับสูงสุด และปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ให้ได้ก่อนปี 2603”

จีนใส่ใจสิ่งแวดล้อมมากขึ้น

จีนเป็นประเทศกำลังพัฒนาที่ใหญ่ที่สุด และเป็นเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลก จีนจึงกำลังทำงานอย่างหนักเพื่อให้เศรษฐกิจเติบโตไปพร้อมกับการปกป้องสิ่งแวดล้อม

จีนกำลังปฏิรูปโครงสร้างทางเศรษฐกิจและรูปแบบการเติบโต เพื่อให้ประเทศเจริญก้าวหน้าอย่างมีคุณภาพ ในขณะเดียวกัน จีนก็ได้ยกให้การต่อสู้กับปัญหามลภาวะเป็นหนึ่งใน “สามศึกใหญ่” คู่กับการต่อสู้กับความเสี่ยงและความยากจน เพื่อให้จีนกลายเป็นสังคมที่เจริญรุ่งเรืองในระดับหนึ่งภายในปี 2563

ปธน.สี ได้ให้ความสำคัญเสมอมาต่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและการพัฒนาสีเขียว

เมื่อ 15 ปีที่ผ่านมา สมัยที่เขาเป็นเลขาธิการคณะกรรมการพรรคคอมมิวนิสต์จีน (CPC) ประจำมณฑลเจ้อเจียง เขาได้เสนอแนวคิดที่ว่า “ลำน้ำใสสะอาดและเขาเขียวชอุ่มเป็นทรัพย์สินที่ประเมินค่ามิได้” ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นแนวคิดยอดนิยมในการพัฒนาสีเขียวทั่วประเทศ

หลังจากที่ได้เป็นเลขาธิการคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนและประธานาธิบดีจีนแล้ว ปธน.สี ได้เน้นย้ำเรื่องความสำคัญของการอนุรักษ์ระบบนิเวศอยู่บ่อยครั้งในหลาย ๆ โอกาส รวมถึงระหว่างการดูงานทั่วจีน

จีน ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเผชิญกับปัญหาร้ายแรงทางสิ่งแวดล้อม เช่น ปัญหาหมอกควันและมลพิษทางน้ำ บัดนี้มีความคืบหน้าอย่างก้าวกระโดดในการพัฒนาสีเขียว และมีบทบาทต่อประเด็นนี้ในระดับสากล

จีนมีเป้าหมายเพื่อทำผลงานให้เหนือกว่าที่กำหนดไว้ในสัดส่วนสมทบที่คาดไว้ของแต่ละประเทศ (Intended Nationally Determined Contributions) ภายในปี 2573 ตามความตกลงปารีส อันเป็นผลจากความพยายามในการลดการใช้พลังงานและลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล

การปล่อยก๊าซ CO2 ต่อหน่วยของ GDP ได้ปรับตัวลดลงเกือบครึ่งหนึ่งจากปี 2548 ซึ่งนับเป็นความสำเร็จล่วงหน้าเมื่อประเมินจากเป้าหมายที่กำหนดไว้ว่าต้องลดจากปี 2548 ให้ได้ 40-45% ภายในปี 2563 สำหรับปี 2573 นั้นมีคำมั่นว่าจะลดการปล่อยก๊าซ CO2 ต่อหน่วยของ GDP ให้ได้ 60-65% จากปี 2548 โดยการปล่อยก๊าซ CO2 จะถึงจุดสูงสุดภายในปี 2573

เมื่อปี 2562 การศึกษาสิ่งแวดล้อมของ NASA พบว่า ระหว่างปี 2543-2560 จีนมีการสร้างพื้นที่สีเขียวขึ้นใหม่กว่า 1 ใน 4 ของโลก ทำให้จีนนำเป็นอันดับหนึ่งของโลกในด้านนี้

เพื่อสนับสนุนความพยายามในการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทั่วโลก ปธน.สี จึงได้จัดตั้งกองทุน China South-South Climate Cooperation Fund ขึ้นเมื่อปี 2558 ในวงเงิน 2 หมื่นล้านหยวน (3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อช่วยประเทศที่กำลังพัฒนาเหมือนกันในการต่อสู้ในศึกเดียวกันนี้

เมื่อปีที่ผ่านมา จีนได้เปิดตัวกลุ่มพันธมิตร International Coalition for Green Development on the Belt and Road ขึ้น เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานตามวาระการพัฒนาที่ยั่งยืน พ.ศ. 2573 ของสหประชาชาติ ผ่านโครงการก่อสร้างสีเขียวตามประเทศแถบ Belt and Road

ปธน. สี กล่าวเมื่อวันอังคารว่า “เราขอเชิญชวนให้ทุกประเทศร่วมมือร่วมใจเดินหน้าสู่การพัฒนาอย่างเปิดกว้าง มีนวัตกรรม และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อเป็นประโยชน์ต่อทุกคน และคว้าโอกาสครั้งประวัติศาสตร์ที่มาพร้อมกับการปฏิวัติทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและการปฏิรูปอุตสาหกรรมนี้ไว้ และให้เศรษฐกิจโลกเติบโตอย่างเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในยุคหลังโควิด-19 และก่อให้เกิดพลังขับเคลื่อนสำคัญเพื่อผลักดันให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืน”

จีนเป็นผู้ทำมากกว่าพูด

วิดีโอ - https://cdn5.prnasia.com/202009/cgtn/video.mp4

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๕ พ.ย. ดิ เอราวัณ กรุ๊ป เปิดตัว HOP NextGen ชวนนักศึกษาเยี่ยมชม ฮ็อป อินน์ เรียนรู้เทคนิคบริการแบบ Consistency is Yours พร้อมพัฒนาบุคลากรรุ่นใหม่
๑๕ พ.ย. คิง เพาเวอร์ ต้อนรับเทศกาลแห่งความสุขส่งท้ายปี เปิดแคมเปญ THE POWER OF FUNTASTIC CELEBRATION 2025 ฉลองทุกความสุข สนุกไม่รู้จบ
๑๕ พ.ย. พันธุ์ไทย ชวนแฟนด้อม คัลแลนและพี่จอง จุ่ม การ์ดพันธุ์ไทยใจฟู ลิมิเต็ด อิดิชั่น
๑๕ พ.ย. BAM ทรานส์ฟอร์มองค์กรสู่ DIGITAL ENTERPRISE ตอกย้ำผู้นำ AMC ยุค 4.0 วางเป้าหมายยกระดับองค์กรสร้างโอกาสเติบโตอย่างยั่งยืน เตรียมส่ง อิสระ เดอะซีรีส์ ชวนลูกหนี้ BAM
๑๕ พ.ย. บางจากฯ ได้รับการประเมินด้านความยั่งยืนอันดับสูงสุดของโลก จาก SP Global 2024 ในกลุ่มอุตสาหกรรม Oil Gas Refinery and
๑๔ พ.ย. ซีเอเค อินเตอร์เนชั่นแนล ออกบูธให้ความรู้เรื่องการใช้งานระบบดับเพลิงนร. พระหฤทัยนนทบุรี
๑๒ พ.ย. พนักงานซีเอเค อินเตอร์เนชั่นแนล รับรางวัลเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงานดีเด่น
๑๕ พ.ย. PROSPECT REIT ชูไตรมาส 3/67 โตเกินเป้า อัตราการเช่าพุ่งนิวไฮ หนุนจ่ายปันผลเด่น 0.2160 บาท
๑๕ พ.ย. CHAO ประกาศงบ Q3/67 กำไรพุ่งกว่า 62% รับตลาดส่งออกพีค จีนโตเด่น แย้ม Q4 เดินหน้าบุกตลาดในประเทศ สินค้าใหม่หนุนยอดขายปลายปี
๑๕ พ.ย. ฉลองเทศกาลลอยกระทงประจำปี 2567 ณ โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ