SCGP เคาะราคาเสนอขายสุดท้ายหุ้น IPO ที่ 35.00 บาทต่อหุ้น ปลื้มนักลงทุนรายย่อยและสถาบันจองซื้อท่วมท้น

พฤหัส ๐๘ ตุลาคม ๒๐๒๐ ๑๓:๕๒

บมจ.เอสซีจี แพคเกจจิ้ง (?SCGP? หรือ ?บริษัทฯ?) ประกาศราคาเสนอขายสุดท้ายหุ้น IPO ที่ 35.00 บาทต่อหุ้น ซึ่งเป็นราคาสูงสุดของช่วงราคาเสนอขายเบื้องต้น หลังได้รับการตอบรับอย่างท่วมท้นจากนักลงทุนรายย่อยและนักลงทุนสถาบันที่แสดงความต้องการจองซื้อมากกว่าจำนวนหุ้นที่จัดสรรไว้ ชูศักยภาพผู้นำด้านบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจรในภูมิภาคอาเซียน และแผนงานขยายการลงทุนในภูมิภาคอาเซียนเพื่อรับประโยชน์จากเมกะเทรนด์การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในภูมิภาคนี้ คาดเข้าเทรดวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยประมาณวันที่ 22 ตุลาคม 2563

นางสาววีณา เลิศนิมิตร ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงาน Investment Banking ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายร่วม เปิดเผยว่า หลังจากบริษัทเอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP ได้กำหนดช่วงราคาเสนอขายเบื้องต้นหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เสนอขายแก่ประชาชนเป็นการทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ที่ราคา 33.50-35.00 บาทต่อหุ้น โดยเปิดให้นักลงทุนรายย่อยจองซื้อเมื่อวันที่ 1-2 และ 5 ตุลาคม 2563 ที่ราคา 35.00 บาทต่อหุ้น ซึ่งเป็นราคาสูงสุดของช่วงราคาเสนอขายเบื้องต้น พร้อมทั้งสำรวจความต้องการซื้อหุ้น IPO ของนักลงทุนสถาบัน (Bookbuilding) พบว่าได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยม โดยนักลงทุนสถาบันแสดงความต้องการซื้อที่ช่วงราคาเสนอขายสูงสุดคือ 35.00 บาทต่อหุ้น และมีความต้องการจองซื้อมากกว่าจำนวนหุ้น IPO ที่จัดสรรไว้ จึงกำหนดราคาเสนอขายสุดท้าย (Final Price) หุ้น IPO ที่ 35.00 บาทต่อหุ้น โดยมั่นใจว่าราคาดังกล่าวสอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐานและศักยภาพของ SCGP ที่เป็นผู้นำด้านบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจรในภูมิภาคอาเซียน โดยภายหลังเสร็จสิ้นกระบวนการเสนอขายหุ้น IPO คาดว่าจะนำหุ้น SCGP เข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ประมาณวันที่ 22 ตุลาคมนี้

นายพิเชษฐ สิทธิอำนวย กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายร่วม กล่าวว่า การเสนอขายหุ้น IPO ของ SCGP ครั้งนี้ มีจำนวนไม่เกิน 1,127.6 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 26.5 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนครั้งนี้ (ไม่รวมหุ้นที่ผู้จัดหาหุ้นส่วนเกิน อาจใช้สิทธิซื้อหุ้น IPO จากบริษัทฯ ในกรณีที่มีการจัดสรรหุ้นส่วนเกิน) และจัดสรรหุ้นส่วนเกิน (Over Allotment) จำนวนไม่เกิน 169.1 ล้านหุ้น รวมคิดเป็นไม่เกินร้อยละ 29.3 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังเสนอขายหุ้น IPO ในครั้งนี้ (กรณีที่ใช้สิทธิซื้อหุ้นส่วนเกินทั้งจำนวน) โดยในการเสนอขายหุ้น IPO แก่นักลงทุนรายย่อย และการสำรวจความต้องการซื้อหุ้น IPO ของนักลงทุนสถาบันที่ผ่านมา ได้รับการตอบรับที่ดีมากและเป็นนักลงทุนสถาบันที่มีคุณภาพ สะท้อนถึงความเชื่อมั่นในโมเดลธุรกิจด้านบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจรของ SCGP ที่เป็นผู้นำบรรจุภัณฑ์ในภูมิภาคอาเซียน และมีแผนงานขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่อง

นายวิชาญ จิตร์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP กล่าวว่า บริษัทฯ จะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้ไปใช้ขยายธุรกิจ ชำระเงินกู้และเป็นเงินทุนหมุนเวียน โดยวางแผนขยายการลงทุนในภูมิภาคอาเซียนอย่างต่อเนื่อง ด้วยการมุ่งนำเสนอบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจรเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าและผู้บริโภคได้อย่างหลากหลาย พร้อมทั้งมุ่งคิดค้นและพัฒนาบรรจุภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรมเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม ตลอดจนให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจภายใต้หลักเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) เพื่อใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าและหมุนเวียนกลับมาใช้ใหม่

ในด้านแผนงานขยายการลงทุนนั้น จะมีทั้งโครงการที่ SCGP ขยายการลงทุนเอง และเข้าควบรวมกิจการ (Merger & Partnership) โดยในปี 2563 บริษัทฯ ได้เจรจาและลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้นกับผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ Bien Hoa Packaging Joint Stock Company (SOVI) ผู้ผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์กล่องลูกฟูกรายใหญ่ในเวียดนามที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์โฮจิมินห์ นอกจากนี้มีโครงการขยายกำลังการผลิตในประเทศไทย เวียดนาม อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ รวม 4 โครงการ ใช้งบลงทุนรวมประมาณกว่า 8,200 ล้านบาท จะทยอยแล้วเสร็จในปี 2563-2564 และอยู่ระหว่างศึกษาโอกาสขยายการลงทุนในภูมิภาคอาเซียนอย่างต่อเนื่อง

ข้อมูลเพิ่มเติม
บริษัทเอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) (SCGP) ดำเนินธุรกิจบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจรในภูมิภาคอาเซียน เป็นหนึ่งในธุรกิจของเอสซีจีที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง มีฐานลูกค้าขนาดใหญ่ที่เติบโตจากความต้องการของผู้บริโภคที่มีเพิ่มขึ้น (Consumer Growth) ทั้งในประเทศไทย ประเทศเวียดนาม ประเทศอินโดนีเซีย ประเทศฟิลิปปินส์ และประเทศมาเลเซีย รวมทั้งประเทศอื่น ๆ ทั้งในและนอกภูมิภาคอาเซียน นอกจากนี้ SCGP ยังมีความเชี่ยวชาญในการพัฒนานวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ที่มีวัสดุหลากหลายประเภท (Multi-materials) ทั้งกระดาษและพอลิเมอร์ พร้อมการให้บริการโซลูชันด้านบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจร (Packaging Solutions Provider) การนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินธุรกิจ พร้อมการขับเคลื่อนธุรกิจอย่างยั่งยืนด้วยหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน เพื่อรักษาความเป็นผู้นำด้านบรรจุภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ลูกค้าชั้นนำระดับสากลได้อย่างครอบคลุมและครบวงจร

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๒ พ.ย. รีเลชั่นชิพรีพับบลิค แนะกลยุทธ์สำคัญ นำพาธุรกิจร้านอาหารสู่ความสำเร็จ มัดใจลูกค้าให้อยู่หมัด
๒๒ พ.ย. ชมนวัตกรรมสุดล้ำในงาน METALEX 2024 หลายแบรนด์แกะกล่องเครื่องจักรครั้งแรกในงานนี้
๒๒ พ.ย. Bangkok Illustration Fair 2024 สู่การเติบโตก้าวใหญ่ในปีที่ 4
๒๒ พ.ย. ผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลโดย IMD ประจำปี 2567 TMA เผยไทยครองอันดับ 37 ในการจัดอันดับด้านดิจิทัลปีนี้
๒๒ พ.ย. โก โฮลเซลล์ จัดเต็มสินค้า ส่งสุข สุดอร่อย เฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปี เข้มกระเช้าปีใหม่ดีมีมาตรฐาน พร้อมชู อาหารแช่แข็ง-อาหารสด
๒๒ พ.ย. กทม. จับมือสถานทูตเนเธอร์แลนด์ ประจำประเทศไทย จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ ACTIVE Workshop เมืองเดินเท้า และจักรยานสัญจร ครั้งที่
๒๒ พ.ย. สัมผัสความหรูหราของวิลล่าริมทะเล VEYLA NATAI RESIDENCES ผ่านประสบการณ์เหนือระดับในงาน SOUL of VEYLA
๒๒ พ.ย. 'แอสเซทไวส์' จับมือ 'สยามกีฬา' เปิดศึกลูกหนังยุวชนทัวร์นาเมนต์ใหญ่แห่งปี AssetWise Siamkeela Cup 2024-25 ต่อเนื่องเป็นปีที่
๒๒ พ.ย. โรงแรมเรเนซองส์ เปิดตัว R FINDS แพลตฟอร์มดิจิทัลระดับโลก ที่จะเชื่อมมนต์เสน่ห์ชุมชนท้องถิ่นสู่นักเดินทางทั่วโลก
๒๒ พ.ย. electric.neon.lamp หยิบเพลงฮิต แม้ ใส่ฟีลดนตรีเหงาปนเศร้าในแบบ Piano Version