การก้าวสู่ปีที่ 15 ของบริษัท สลิงชอท กรุ๊ป ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญกับความฝันที่ยิ่งใหญ่ คือการช่วยพาผู้นำองค์กรไทย ไปสู่ระดับมาตรฐานโลก คำถามจึงเกิดขึ้นว่าผู้นำองค์กรไทยจะเก่งในระดับสากลได้นั้น ต้องดูจากอะไร และมีอะไรที่เป็นตัวชี้วัดหรือไม่
เมื่อเป้าหมายคือต้องการช่วยพัฒนาผู้นำองค์กรไทย ให้พาองค์กรไปสู่ระดับโลก จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้นำองค์กรจะต้องรู้สุขภาพการนำองค์กรของตนเอง เพื่อที่จะได้ปรับพฤติกรรม เสริมทักษะได้ทันกับโลก และโอกาสที่กำลังจะมาถึง
ดร. สุทธิโสพรรณ ช่วยวงศ์ญาติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สลิงชอท กรุ๊ป กล่าวว่า ?ในยุคที่โลกหมุนเร็ว เราเชื่อว่าการใช้ข้อมูลที่ถูกต้องจะช่วยให้การพัฒนาเป็นไปอย่างถูกจุดและได้ผลลัพธ์ กว่า 15 ปีที่เราสั่งสมข้อมูลการพัฒนาผู้นำไทย ถึงเวลาที่เราต้องใช้ข้อมูลเหล่านี้มาเป็นตัวช่วยเร่งการพัฒนาคนไทยไปสู่เวทีโลก?
กว่า 2 ปีที่บริษัท สลิงชอท กรุ๊ป ตั้งทีมศึกษาคุณลักษณะสำคัญของผู้นำองค์กรไทย ในการพาองค์กรไทยไปสู่ระดับโลก โดยใช้ข้อมูลที่รวบรวมมากว่า 8 ปี จากผู้ตอบแบบประเมิน 9,120 คน ในการประเมินศักยภาพความเป็นผู้นำไทย ของผู้นำองค์กรทั้งสิ้น 958 คน อีกทั้งมีการเปรียบเทียบผลการศึกษากับ 38 สถาบันชั้นนำทั่วโลก ประกอบด้วย 15 สถาบันในสหรัฐอเมริกา 6 สถาบันในยุโรป 17 สถาบันในเอเชียและออสเตรเลีย และเปรียบเทียบกับ 21 องค์กรชั้นนำในประเทศไทย พบคุณลักษณะหลัก (Persona) ของผู้นำองค์กรไทย 6 Persona ที่เป็นคุณลักษณะเฉพาะสำหรับ ?คนไทย? กับการก้าวสู่ ?เวทีโลก?
- นักสำรวจความแปลกใหม่ (Uncharted Explorer) ผู้นำที่มองเห็นโอกาส กล้าเสี่ยงที่จะทำอะไรใหม่ ๆ เพื่อพัฒนางานและเสริมสร้างธุรกิจ สามารถรับมือกับความผันผวน ความไม่แน่นอน ความคลุมเครือ และผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น อีกทั้งยังต้องเรียนรู้และพัฒนาตนเองในเรื่องส่วนตัวด้วย
- นักรบผู้พิชิตความสำเร็จ (Success Warrior) ผู้นำต้องผลักดันให้เกิดผลลัพธ์ภายใต้ภาวะการแข่งขันที่ทวีความรุนแรงและคู่แข่งมากมายที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ด้วยการมองหาและสร้างความแตกต่าง เพื่อให้เกิดการได้เปรียบทางการแข่งขัน ด้วยการมีความรู้ความเข้าใจและสามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีต่าง ๆ ได้ เพื่อพาองค์กรให้อยู่รอดและเติบโต
- นักสื่อสารผู้เข้าใจคน (Empathic Communicator) ผู้นำต้องมีคุณธรรมเป็นพื้นฐานและเป็นตัวอย่างที่ดี สามารถกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน ทำให้ทีมงานเข้าใจและเดินไปในทิศทางเดียวกัน ผ่านการสื่อสารที่ตรงไปตรงมาและเปิดใจรับฟังความคิดเห็นของผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง
- นักผนึกพลัง (Synergistic Winner) ผู้นำต้องรู้จักมอบหมายกระจายงานและกระจายอำนาจในการตัดสินใจ รวมทั้งสร้างสัมพันธภาพที่ดีกับบุคลากรภายในและผู้มีส่วนได้เสียภายนอก ที่สำคัญต้องรู้จักใช้ประโยชน์จากอำนาจและการเมืองภายในองค์กรอย่างถูกต้องให้เกิดประสิทธิผลเต็มที่
- นักส่งเสริมความหลากหลาย (Diversity Promoter) ทักษะสำคัญอีกประการสำหรับผู้นำที่จะได้รับการยอมรับระดับโลก คือต้องสามารถมองเห็นภาพใหญ่ เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นจากมุมมองระดับสากล และรู้จักใช้ประโยชน์จากกระแสโลกาภิวัตน์ที่นับวันจะทำให้โลกค่อย ๆ เล็กลง นอกจากนั้นยังต้องให้ความสำคัญและให้คุณค่ากับความแตกต่างที่หลากหลาย รวมทั้งสามารถเชื่อมโยงบุคลากรภายในองค์กรให้เข้าใจโลกภายนอกที่เปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลาได้อีกด้วย
- ผู้ถือคบไฟนำทาง (Torch Bearer) สุดท้ายแต่ไม่ใช่สำคัญน้อยสุด ผู้นำต้องทำหน้าที่เป็นเสมือนผู้ถือไฟฉายหรือคบเพลิงนำทาง ต้องเป็นผู้ที่มีสายตายาวไกล สามารถมองเห็นและคาดเดาแนวโน้มต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้อย่างชัดเจน แม่นยำ และต้องเตรียมพร้อมด้วยการสร้างผู้นำรุ่นใหม่ ๆ ไว้ให้กับองค์กร รวมทั้งต้องสร้างวัฒนธรรมที่มุ่งเน้นความสำเร็จในระยะยาวอย่างยั่งยืน และต้องถ่ายทอดประสบการณ์ องค์ความรู้ต่าง ๆ ที่มีไว้กับองค์กร เพื่อไม่ให้สิ่งที่มีคุณค่าเหล่านี้สูญหายไปเมื่อผู้นำไม่อยู่แล้ว
ผลการสำรวจ Thailand Leadership Health Index 2020 พบคุณลักษณะที่เด่นที่สุดของผู้นำองค์กรไทยคือ นักสำรวจความแปลกใหม่ (Uncharted Explorer) ซึ่งเป็นเรื่องการมองเห็นโอกาส กล้าเสี่ยงที่จะทำอะไรใหม่ ๆ ส่วนคุณลักษณะที่ได้คะแนนน้อยที่สุดคือ นักผนึกพลัง (Synergistic Winner) ซึ่งเป็นการตอบย้ำความจริงที่เกิดขึ้นว่า ได้เวลาที่เราจะต้องสร้างทีมไทยที่เก่งที่สุดในโลกบ้างแล้ว
นอกจากนี้ ผลสำรวจพบว่า ผู้นำองค์กรไทยตั้งเป้าหมายในการพัฒนาศักยภาพตนเองต่ำเกินไป การที่ผู้นำองค์กรจะพาองค์กรไทยไปสู่ระดับสากลได้นั้น ถึงเวลาที่เราต้องพัฒนาตนเองเพื่อขึ้นไปอยู่ในระดับ Top 10 Percentile ของประเทศไทยและของโลก ซึ่งทั้งนี้ สลิงชอท กรุ๊ป ได้ร่วมกับสถาบันวิจัยพฤติกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทร์วิโรฒ เปิดตัวเครื่องมือและดัชนีชี้วัดศักยภาพความเป็นผู้นำ โดยผู้นำแต่ละท่านสามารถได้รับข้อมูลส่วนตัว ที่จะได้ทราบว่าตนเองเป็นอย่างไรเมื่อเทียบกับมาตรฐานระดับ Top 10 Percentile ของไทย และ Top 10 Percentile ของโลก
ดร. สุทธิโสพรรณ ช่วยวงศ์ญาติ ย้ำว่า ?วันนี้ผู้นำไทยเก่งไม่แพ้ชาติใดในโลก ที่ผ่านมาเราพัฒนาคนตามตำราตะวันตก เรามักคุ้นเคยกับการประเมินผ่านแบบประเมิน 360 องศา โดยใช้คะแนนเฉลี่ยมาเป็นตัวกำหนดแผนการพัฒนา แต่วันนี้โลกเปลี่ยนไป คนไทยสามารถก้าวสู่เวทีโลกได้ในแบบของเรา ในวันนี้เรามีข้อมูลพร้อมที่เอามาใช้ประโยชน์ ซึ่งในยุคที่ชนะกันด้วยข้อมูลนี้ เรามั่นใจว่าจากฐานข้อมูลผู้นำไทยกว่าแสนคน ที่ผ่านกระบวนการพัฒนาทักษะมากว่า 15 ปี จะช่วยเร่งให้ผู้นำไทยพัฒนาศักยภาพการนำองค์กรและนำพาทีมไปสู่เวทีโลก