นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิดงานสัมมนาเชิงปฏิบัติการ "ทิศทางการขับเคลื่อนภารกิจกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ปี ๒๕๖๔" พร้อมกล่าวมอบนโยบาย ณ โรงแรมมีพรสวรรค์ แกรนด์ โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท อำเภอเมือง จังหวัดพิจิตร ว่าการจัดสัมมนาฯ ดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจแก่ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ของกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ให้มีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนภารกิจสามารถปฏิบัติงานตามกรอบแนวทางการปฏิบัติงานที่กำหนดไว้ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อถ่ายทอดความรู้ให้กับประชาชนและเกษตรกร สามารถจัดทำบัญชีและงบการเงินได้ ช่วยให้เกษตรกรรู้รายรับ รายจ่าย มองเห็นช่องทางในการลดต้นทุนการผลิต ส่งเสริมการออม และสร้างวินัยทางการเงินที่ดี พร้อมชมนิทรรศการผลการดำเนินงานของกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ โดยนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาช่วยขับเคลื่อนกระบวนงานสอบบัญชีอย่างต่อเนื่องให้มีประสิทธิภาพ สะดวก รวดเร็ว และทันสมัยมากยิ่งขึ้น อาทิ การบัญชีนิติวิทยา แนวทางใหม่ในการสอบบัญชี การสอบบัญชีวิถีใหม่ รู้เท่าทันธุรกิจสหกรณ์โคนม สหกรณ์บริการแท็กซี่ และระบบบัญชีสหกรณ์ในยุคดิจิทัล เป็นต้น
รมช.มนัญญา กล่าวว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้กำหนดยุทธศาสตร์สำคัญในการสร้างความเข้มแข็งให้กับสหกรณ์ สถาบันเกษตรกร และเกษตรกร เพื่อช่วยแก้ปัญหาและพัฒนาความเป็นอยู่ของประชาชนผ่านระบบสหกรณ์ โดยจะส่งผลต่อการพัฒนาประเทศทั้งในด้านเศรษฐกิจและสังคม ช่วยแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนในการประกอบอาชีพ และช่วยส่งเสริมการออม เพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย มีวินัยทางการเงินที่ดี สร้างความเข้มแข็งให้กับประชาชน กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ จึงเป็นหน่วยงานที่มีความสำคัญต่อการเสริมสร้างความเข้มแข็ง ให้กับสถาบันเกษตรกรและกลุ่มเกษตรกร ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนาประเทศ ให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคงและยั่งยืน ทั้งในด้านของการสอบบัญชีและวางระบบบัญชีให้กับสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร สามารถจัดทำบัญชีและงบการเงินได้ และในด้านการบัญชีให้กับเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการต่างๆ ตามนโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อช่วยให้เกษตรกรรู้รายรับ รายจ่าย มองเห็นช่องทางในการลดต้นทุนการผลิต ลดรายจ่าย ปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต ช่วยส่งเสริมการออม และสร้างวินัยทางการเงินที่ดี ช่วยให้เกษตรกรมีชีวิตความเป็นอยู่ที่มั่นคง สามารถพึ่งพาตนเองได้ รวมไปถึงการสร้างเสริมองค์ความรู้ทางบัญชีสู่เยาวชนและประชาชนทั่วไป ได้เรียนรู้การจัดทำบัญชีเพื่อใช้เป็นข้อมูลในการประเมินและวางแผนการจัดระเบียบรายรับ รายจ่าย ช่วยแก้ปัญหาหนี้สิน รู้จักความพอมี พอกิน พอใช้ เพื่อเป็นภูมิคุ้มกันที่เข้มแข็งแก่ตนเองและครอบครัว ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง อีกทั้งชูโครงการนำลูกหลานเกษตรกรกลับบ้าน สานต่ออาชีพการเกษตร ปัจจุบันมีผู้สมัครเข้าร่วมโครงการทั่วประเทศกว่า 7,500 คน ซึ่งกรมตรวจบัญชีสหกรณ์จะเป็นหนึ่งในฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนสหกรณ์ให้มีความเข้มแข็ง สร้างความมั่นคงทางอาชีพและรายได้ให้แก่ประชาชนและเกษตรกรอย่างยั่งยืนต่อไป
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันสหกรณ์ได้เข้ามามีบทบาทในภาคการเงินของประเทศเพิ่มขึ้น ทั้งในส่วนของเงินรับฝากและสินเชื่อ ซึ่งหากธุรกิจของสหกรณ์เกิดความคลอนแคลน อาจส่งผลกระทบต่อระบบการเงินและการธนาคารของประเทศ และเนื่องจากเป็นสถาบันที่อยู่ใกล้ชิดกับประชาชน หากเกิดการทุจริตจะก่อให้เกิดผลกระทบและความเสียหายต่อประชาชนโดยตรง จึงมอบนโยบายให้กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ มุ่งเน้นการทำงานตรวจสอบระบบการเงิน การบัญชี การควบคุมภายใน และการดำเนินงานของสหกรณ์ ให้โปร่งใส ปราศจากการทุจริต เป็นไปตามมาตรฐาน และมีความรู้เท่าทันเทคโนโลยี ซึ่งหากสามารถตรวจพบแต่เนิ่นๆ และทันท่วงที จะสามารถระงับยับยั้ง หรือบรรเทาความเสียหายที่จะเกิดขึ้นแก่พี่น้องประชาชนได้ นอกจากนี้ ยังมุ่งหวังให้บุคลากรผู้ปฏิบัติงานทุกภาคส่วนของกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ก้าวผ่านการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัยต่างๆ มีการพัฒนาตนเองสู่ความเป็นมืออาชีพ รวมทั้งเตรียมความพร้อมสู่การปรับเปลี่ยนเป็นองค์กรดิจิทัล เพื่อให้ก้าวทันการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี และรูปแบบการดำเนินธุรกิจของสหกรณ์ที่มีความสลับซับซ้อนมากขึ้นทุกวัน และร่วมกันบูรณาการเสริมสร้างความเข้มแข็งและนำพาสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรให้เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน ยกระดับรายได้และคุณภาพชีวิตของพี่น้องเกษตรกรไทย