'บมจ. ชริ้งเฟล็กซ์ (ประเทศไทย) หรือ SFT? หนึ่งในผู้นำการให้บริการ Labeling Solutions แบบครบวงจร ด้วยผลิตภัณฑ์ฉลากฟิล์มหดรัดรูปในภูมิภาคอาเซียน มั่นใจแนวโน้มไตรมาส 3/63 เติบโตอย่างต่อเนื่อง หลังลูกค้าภาคอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มรายใหญ่สั่งเร่งผลิตฉลากฟิล์มหดรัดรูปเพิ่ม รับแผนออกสินค้าช่วงปลายปี พร้อมเดินหน้าแผนขยายตลาดใหม่ๆ เพิ่มเติม
นายซุง ชง ทอย ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ชริ้งเฟล็กซ์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SFT หนึ่งในผู้นำการให้บริการ Labeling Solutions แบบครบวงจร ด้วยผลิตภัณฑ์ฉลากฟิล์มหดรัดรูปในภูมิภาคอาเซียน เปิดเผยว่า บริษัทฯ เชื่อมั่นศักยภาพการดำเนินธุรกิจที่ต้องการผลักดันการเติบโตเฉลี่ยมากกว่า 10% ต่อปี จากแผนนำเสนอผลิตภัณฑ์ฉลากฟิล์มหดรัดรูปเพื่อสร้างภาพลักษณ์ให้แก่แบรนด์ของลูกค้าในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงแผนขยายฐานลูกค้ารายใหม่ๆ เพิ่มเติม โดยใช้ฐานการผลิตที่แข็งแกร่งและประสบการณ์ดำเนินธุรกิจมายาวนาน ช่วยตอบสนองความต้องการลูกค้าได้เป็นอย่างดี
ทั้งนี้ แนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2563 (กรกฎาคม-กันยายน) มั่นใจว่าจะผลักดันการเติบโตได้ในอัตราที่สูง เนื่องจากออเดอร์การผลิตฉลากฟิล์มหดรัดรูปมีการขยายตัวอย่างก้าวกระโดด โดยเฉพาะสินค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมและเครื่องดื่มหลังสถานการณ์แพร่ระบาด COVID-19 ภายในประเทศคลี่คลาย ประกอบกับบริษัทฯ มีวางแผนด้านการตลาดที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์ให้กับลูกค้าในช่วงปลายปีนี้ เพื่อสนับสนุนความต้องการฉลากฟิล์มหดรัดรูปที่มากขึ้น ทำให้คาดว่าอัตราการใช้เครื่องจักรในการผลิตในช่วงครึ่งปีหลังจะดีกว่าในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2563
ขณะเดียวกัน SFT ยังบริหารจัดการต้นทุนการผลิตช่วยเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันที่ดี โดยมุ่งรักษาอัตราการทำกำไรขั้นต้นเฉลี่ยให้อยู่ในระดับที่ไม่ต่ำกว่าในช่วงครึ่งปีแรกซึ่งคาดว่าจะส่งผลดีต่อกำไรสุทธิของ SFT ทั้งในไตรมาส 3/2563 และ 9 เดือนแรกของปี 2563 โดยหลังจากที่ครึ่งปีแรกมีกำไรจากการดำเนินงาน 49.64 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.38% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
"เราเห็นสัญญาณออเดอร์ฉลากฟิล์มหดรัดรูปเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ หลังสถานการณ์ COVID-19 มีทิศทางที่ดี ทำให้ลูกค้าเร่งผลิตสินค้าเพื่อป้อนตลาดมากขึ้น รวมถึงเรามีการวางแผนการผลิตเพื่อให้สอดคล้องกับการออกสินค้าใหม่ของลูกค้า จึงเป็นตัวเร่งดีมานด์สินค้าฉลากฟิล์มหดรัดรูปในไตรมาสนี้ เพื่อช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มแก่แบรนด์สินค้าของลูกค้ามากขึ้น" นายซุง ชง ทอย กล่าว
ส่วนแผนงานหลังเข้าจดทะเบียนในตลาด เอ็ม เอ ไอ บริษัทฯ จะเร่งเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ทั้งการเพิ่มกำลังการผลิตฉลากฟิล์มหดรัดรูปและการขยายไลน์การผลิต เช่น ฟิล์มหดรัดรูปในกลุ่มฟิล์มใสที่มีความหดตัวสูง (POF Shrink Film) และกลุ่มบรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อน (Flexible Packaging) ช่วยให้เกิด Economy of Scale จากการเพิ่มอำนาจการต่อรองกับซัพพลายเออร์ในการซื้อวัตถุดิบ และรักษาอัตราการทำกำไรขั้นต้นอยู่ในเกณฑ์ที่ดี รวมถึงแผนมุ่งขยายฐานลูกค้าใหม่ๆ ที่มีความต้องการใช้ฉลากฟิล์มหดรัดรูปเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มแก่ผลิตภัณฑ์ ส่งผลดีต่อภาพรวมผลการดำเนินงานในปีนี้เติบโตได้ตามแผนแน่นอน