"LEO" พร้อมซื้อขาย mai 5 พ.ย. นี้ คาดยืนเหนือราคาจองซื้อที่ 3.42 บาท มั่นใจพื้นฐานแข็งแกร่ง พร้อมเดินหน้าขยาย 4 ธุรกิจ Leo Self Storage & E-Fulfillment, บริการรับฝากตู้สินค้าคอนเทนเนอร์, พัฒนาระบบขนส่งไปยังประเทศเมียนมาร์ และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนและร่วมลงทุนพันธมิตรในและต่างประเทศ วางเป้าเป็นหุ้นบลูชิพโลจิสติกส์ โกรทสต๊อก ปันผลไม่ต่ำกว่า 40%
นายชาญชัย กงทองลักษณ์ กรรมการอำนวยการ กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน รวมทั้งผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัท ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) "LEO" ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ครบวงจรครอบคลุมทั่วโลก (End - to - End Global Logistics Services) เปิดเผยว่า หุ้น LEO จะเข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ (mai) เป็นวันแรก ในวันที่ 5 พฤศจิกายน 2563 นี้ คาดว่าจะได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นอย่างดี จากปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และจากประสบการณ์การให้บริการในด้านโลจิสติกส์ของบริษัทฯ ที่มีมากกว่า 29 ปี โดยสะท้อนให้เห็นจากราคาหุ้นที่มีความเหมาะสม ที่ 3.42 บาท
ทั้งนี้ การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ทำให้บริษัทเข้าถึงแหล่งเงินทุน เพื่อนำมาต่อยอดธุรกิจให้เติบโต ในอุตสาหกรรมการให้บริการโลจิสติกส์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และมองว่าการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนเป็นครั้งแรก หรือ IPO ในครั้งนี้ จะได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นหุ้นที่อยู่ในธุรกิจที่สามารถเติบโตได้ แม้จะเกิดภาวะการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งส่งผลกระทบต่อหลายธุรกิจทั่วโลก
"คาดว่าการเทรดในตลาด mai ในวันที่ 5 พฤศจิกายนนี้ หุ้น LEO จะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน จากปัจจัยบวกต่างๆ เช่น การฟื้นตัวของเศรษฐกิจ, การเปิด AEC, EEC รวมทั้งการเติบโตของธุรกิจ E-Commerce ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าหลักกลุ่มหนึ่ง ทำให้บริษัทฯมีโอกาสที่ดี ที่จะเติบโตในอนาคต โดยเงินที่ได้จากการระดมทุน จะนำไปใช้ในการขยายช่องทางการดำเนินธุรกิจ เพื่อพัฒนาและเพิ่มศักยภาพของบริษัทฯให้มีความมั่นคงและยั่งยืนต่อไปในอนาคต" นายชาญชัย กล่าว
ด้านนายเกตติวิทย์ สิทธิสุนทรวงศ์ รองประธานคณะกรรมการบริษัท ประธานคณะผู้บริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) "LEO" กล่าวว่า บริษัทฯ หวังว่าการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ mai ในวันที่ 5 พฤศจิกายนนี้ จะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน เนื่องจาก มีความมั่นใจในปัจจัยพื้นฐานของบริษัทและจากประสบการณ์การทำงานในธุรกิจนี้ ที่มีมาอย่างยาวนาน
หลังจากการระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ในครั้งนี้ บริษัทฯ จะนำเม็ดเงินที่ได้มาใช้ขยายงานให้บริการโลจิสติกส์ ครบวงจรทั้งในและต่างประเทศ อย่างเช่น โครงการ Leo Self Storage & E-Fulfillment จำนวน 2 โครงการ การพัฒนาระบบขนส่งผ่านแดนไปยังประเทศเมียนมาร์ การขยายพื้นที่บริการรับฝากตู้สินค้าคอนเทนเนอร์ รวมทั้งใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท และเป็นเงินทุนในการเข้าร่วมลงทุนกับพันธมิตรทางธุรกิจทั้งในประเทศและกลุ่มอาเซียน ที่เหลือจากการระดมทุนจะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการพัฒนาธุรกิจโลจิสติกส์ ต่อไป
"การเข้ามาเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai บริษัทฯ มีความตั้งใจอยากให้หุ้น LEO เป็นหุ้นบลูชิพ (Blue Chip Stock) ที่มีความมั่นคงและมีความเสี่ยงต่ำ สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีได้อย่างต่อเนื่อง ด้านโลจิสติกส์ของประเทศไทย พร้อมตั้งเป้าให้เป็นหุ้นเติบโตเร็ว (Growth Stock) และมีเงินปันผลจากกำไรสุทธิของบริษัทแม่ ไม่ต่ำกว่า 40 % " นายเกตติวิทย์ กล่าว