เคแบงก์ ไพรเวทแบงกิ้ง ชี้โอกาลงทุนในหุ้นจีน กับ K-CCTV กองทุนหุ้นจีน A-Shares เดียวในไทย ที่มีกลไกควบคุมความเสี่ยง

อังคาร ๑๐ พฤศจิกายน ๒๐๒๐ ๑๕:๑๒

เคแบงก์ ไพรเวทแบงกิ้ง มองจีนยังอยู่แถวหน้า ชี้โอกาสครั้งสำคัญกับการลงทุนในหุ้นจีน A-Shares ผ่านกองทุน K-CCTV รับทิศทางของจีนตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจฉบับใหม่ แนวโน้มการฟื้นตัวเร็วกว่าประเทศอื่น ปัญหา โควิด-19 เริ่มคลี่คลาย อุตสาหกรรมยุคใหม่เติบโตดี

นางสาวศิริพร สุวรรณการ Managing Director - Financial Advisory Head Private Banking Group ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า เคแบงก์ ไพรเวทแบงกิ้ง และบลจ. กสิกรไทย มองเห็นศักยภาพของตลาดหุ้นจีน A-Shares ที่จะเป็นแหล่งสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวให้กับนักลงทุนได้ รวมทั้งการเปิดเสรีตลาดการเงินอย่างต่อเนื่อง และการที่ Morgan Stanley Capital International (MSCI) บริษัทจัดทำดัชนีราคาหุ้นชั้นนำของโลก ได้รวมหุ้นจีน A-Shares ในการคำนวณดัชนีตลาดเกิดใหม่ (MSCI Emerging Markets Index) นั่นหมายถึง การเปิดประตูให้นักลงทุนนอกประเทศจีน ทำให้มีทั้งสภาพคล่องและความเชื่อมั่นมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงยังคงมีมากเมื่อจีนกำลังท้าทายมหาอำนาจเดิมอย่างสหรัฐฯ ทั้งในเรื่องของธุรกิจการค้า ตลาดการเงิน รวมทั้งเทคโนโลยี ซึ่งไม่ใช่เพียงความล้ำสมัย แต่หมายถึงการเข้าถึงข้อมูลและความมั่นคงของชาติ จึงเป็นที่มาของการออกแบบกลยุทธ์การจัดการกองทุน K-CCTV ที่มีความโดดเด่น 2 ข้อ ได้แก่

1) เป็นกองทุนหุ้นจีน A-Shares เดียวในไทยที่มีกลไกควบคุมความเสี่ยง หากตลาดหุ้นจีนมีความผันผวนสูงขึ้น กองทุนสามารถเปลี่ยนมาถือเงินสดหรือตราสารหนี้ระยะสั้นเพิ่ม จึงช่วยลดความเสี่ยงขาลงได้ระดับหนึ่ง

2) สร้างผลตอบแทนจากการจัดการเชิงรุก (Active Management) ผ่านการคัดเลือกกองทุนหลักจากสองผู้จัดการกองทุนระดับโลก ที่คร่ำหวอดในตลาดหุ้นจีนและสร้างผลงานเป็นที่ประจักษ์ ทั้ง UBS Asset Management และ Schroders ซึ่งกองทุนหลักทั้งสองมีกลยุทธ์ต่างกัน จะช่วยเพิ่มความหลากหลายในแหล่งที่มาของผลตอบแทน และกระจายความเสี่ยง"

ทั้งนี้ ตั้งแต่จัดตั้ง กองทุน K-CCTV ให้ผลตอบแทนที่ประมาณ 62% และแม้วิกฤตโรคโควิด-19 จะเริ่มต้นจากจีน แต่จีนสามารถรับมือได้อย่างทันท่วงที ทำให้สามารถส่งผ่านผลตอบแทนมาที่กองทุนตั้งแต่ช่วงต้นปี ที่ประมาณ 22% (ข้อมูล ณ วันที่ 30 ตุลาคม 2563)

ด้าน ดร.อาร์ม ตั้งนิรันดร ผู้อำนวยการศูนย์จีนศึกษาและอาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า จากแผนกลยุทธ์ของจีนฉบับที่ 14 (ปี 2564 - 2568) มี 3 คำสำคัญ ได้แก่ 1) Dual circulation - คือใช้เศรษฐกิจภายในเป็นแกนกลางเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจภายนอก ใช้พลังการบริโภคอันมหาศาลในประเทศ สร้างเป็นวิสัยทัศน์ Globalization 2.0 หรือโลกาภิวัฒน์ยุคใหม่ เปลี่ยนจากโลกออฟไลน์สู่การค้าดิจิทัล จากการเติบโตของบริษัทขนาดใหญ่เป็นขนาดกลางและเล็ก จากบทบาทของประเทศพัฒนาแล้วสู่ประเทศกำลังพัฒนา และเปลี่ยนผู้กำหนดกฎ กติกาจากสหรัฐฯ เป็นจีน เพราะกติกากำหนดโดยผู้บริโภค 2) China 5.0 - ต่อยอดเทคโนโลยีดิจิตอลสู่ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) 5G และ Internet of Things จากข้อได้เปรียบที่ตลาดจีนเป็นผู้บริโภคออนไลน์ขนาดใหญ่ จึงมีข้อมูลมหาศาล และ 3) Clean energy - จีนตั้งเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมที่ต้องทำให้ได้ภายในปี 2603 คือจีนจะเป็นประเทศปลอดคาร์บอน (Carbon Neutrality) อย่างไรก็ตาม จีนยังมีความเสี่ยงหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นการเมือง วิกฤตการเงิน และเทคโนโลยีที่หลายฝ่ายตั้งคำถามว่ารัฐบาลจะมีพลังในการสร้างสรรค์แค่ไหน

ด้านผู้จัดการกองทุน นายเจีย ซ่ง จาก UBS Asset Management กล่าวว่า ความขัดแย้งระหว่างจีนกับสหรัฐฯ จะอยู่อีกนาน นักลงทุนไม่ควรตื่นตระหนกแต่ก็ไม่ควรประมาท ความสำเร็จของการลงทุนที่ผ่านมาเกิดจากการใช้โอกาสในช่วงตลาดผันผวนเข้าสะสมหุ้นที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากกลยุทธ์ของจีนที่กำลังเปลี่ยนผ่านจากการเน้นภาคลงทุนสู่การบริโภคและบริการ ตัวอย่างปัจจัยขับเคลื่อนระยะยาวที่เป็นตัวบ่งชี้ธุรกิจผู้ชนะ (Long term winner) ได้แก่ 1) การยกระดับการบริโภคด้วยสินค้าคุณภาพและราคาสูงขึ้น 2) การขยายตัวของเมืองและความเจริญ 3) นวัตกรรมและการสร้างกระบวนการทำงานอัตโนมัติ และ 4) การรองรับตลาดผู้สูงอายุ เป็นต้น

ขณะที่ นางสาวดิออน เฉิง จาก Schroders กล่าวว่า ปีนี้ ตลาดหุ้นจีนให้ผลตอบแทนดีเพราะความสำเร็จของการควบคุมโรคโควิด-19 และเศรษฐกิจฟื้นกลับมาเร็ว ตัวเลข GDP ในอนาคตอาจดูไม่สูงเพราะแรงฉุดจากธุรกิจยุคเก่าเช่น สถาบันการเงิน และโภคภัณฑ์ แต่ธุรกิจยุคใหม่ในอุตสาหกรรมที่ตอบโจทย์เศรษฐกิจหรือวิถีชีวิตยุคใหม่ เช่น เทคโนโลยี และการดูแลรักษาสุขภาพ จะยังเติบโตได้ดี สำหรับผลงานของกองทุนที่โดดเด่นในปีนี้มาจากการลงทุนในหุ้นขนาดกลางและเล็ก ที่ตอบสนองต่อการยกมาตรฐานอุตสาหกรรม การผลิตสินค้าทดแทนการนำเข้าจากกรณีความขัดแย้งกับสหรัฐฯ รวมทั้งสินค้าและบริการเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม"

"ภายใต้ลักษณะเฉพาะและโอกาสการเติบโตของตลาดหุ้นจีน ประกอบกับความสามารถของทีมผู้จัดการกองทุนในการคัดเลือกหุ้นที่น่าสนใจ กระจายความเสี่ยง และจัดการความผันผวน จะช่วยให้นักลงทุนสามารถสร้างผลตอบแทนที่เหมาะสมในระยะยาวด้วยการลงทุนในกองทุน K-CCTV" นางสาวศิริพร กล่าวปิดท้าย

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๒ พ.ย. รีเลชั่นชิพรีพับบลิค แนะกลยุทธ์สำคัญ นำพาธุรกิจร้านอาหารสู่ความสำเร็จ มัดใจลูกค้าให้อยู่หมัด
๒๒ พ.ย. ชมนวัตกรรมสุดล้ำในงาน METALEX 2024 หลายแบรนด์แกะกล่องเครื่องจักรครั้งแรกในงานนี้
๒๒ พ.ย. Bangkok Illustration Fair 2024 สู่การเติบโตก้าวใหญ่ในปีที่ 4
๒๒ พ.ย. ผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลโดย IMD ประจำปี 2567 TMA เผยไทยครองอันดับ 37 ในการจัดอันดับด้านดิจิทัลปีนี้
๒๒ พ.ย. โก โฮลเซลล์ จัดเต็มสินค้า ส่งสุข สุดอร่อย เฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปี เข้มกระเช้าปีใหม่ดีมีมาตรฐาน พร้อมชู อาหารแช่แข็ง-อาหารสด
๒๒ พ.ย. กทม. จับมือสถานทูตเนเธอร์แลนด์ ประจำประเทศไทย จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ ACTIVE Workshop เมืองเดินเท้า และจักรยานสัญจร ครั้งที่
๒๒ พ.ย. สัมผัสความหรูหราของวิลล่าริมทะเล VEYLA NATAI RESIDENCES ผ่านประสบการณ์เหนือระดับในงาน SOUL of VEYLA
๒๒ พ.ย. 'แอสเซทไวส์' จับมือ 'สยามกีฬา' เปิดศึกลูกหนังยุวชนทัวร์นาเมนต์ใหญ่แห่งปี AssetWise Siamkeela Cup 2024-25 ต่อเนื่องเป็นปีที่
๒๒ พ.ย. โรงแรมเรเนซองส์ เปิดตัว R FINDS แพลตฟอร์มดิจิทัลระดับโลก ที่จะเชื่อมมนต์เสน่ห์ชุมชนท้องถิ่นสู่นักเดินทางทั่วโลก
๒๒ พ.ย. electric.neon.lamp หยิบเพลงฮิต แม้ ใส่ฟีลดนตรีเหงาปนเศร้าในแบบ Piano Version