CKP กำไร-รายได้ Q3 ตามแผน โชว์กำไรโต 831.3 ล้านบาท คาด Q4 รายได้ยังไปได้สวย

พุธ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๐๒๐ ๑๐:๑๔

นายธนวัฒน์ ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) (CKPower) ชื่อย่อหลักทรัพย์ "CKP" เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 3/2563 ของบริษัทและบริษัทในเครือ พลิกกำไรตามคาด หลังจากที่ไตรมาส 2/2563 รายได้ลดลงจากปริมาณน้ำที่ใช้ผลิตไฟฟ้าลดลงเพราะเป็นช่วงฤดูแล้ง โดยในไตรมาส 3 มีรายได้รวม 2,131 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 2,001.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 129.5 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 6.5 และคิดเป็นกำไรสุทธิที่เป็นของ CKPower จำนวน 831.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 33.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 798 ล้านบาท

ทั้งนี้ รายได้ที่เพิ่มขึ้นในไตรมาส 3/2563 มาจาก น้ำงึม 2 มีปริมาณการขายไฟฟ้าเพิ่มขึ้น โดยมีปริมาณการขายไฟฟ้า 405.2 ล้านหน่วย เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2562 ที่มีปริมาณการขายไฟฟ้าได้ 299.3 ล้านหน่วย เพิ่มขึ้น 105.9 ล้านหน่วย หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 35.4 ส่วนปริมาณน้ำที่ไหลเข้าโรงไฟฟ้าน้ำงึม 2 เพิ่มจาก 2,220 ล้านลบ.ม. ในปี 2562 เป็น 2,386 ล้านลบ.ม. ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.5 ในส่วนของกำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้นในไตรมาส 3/2563 มาจากการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนของโรงไฟฟ้าพลังน้ำ ไซยะบุรี ที่มีการดำเนินงานเต็มไตรมาส ทำให้มีปริมาณการขายไฟฟ้ารวม 2,314 ล้านหน่วย คิดเป็นรายได้ 4,483 ล้านบาท โดยมีปริมาณน้ำไหลผ่านโรงไฟฟ้าเฉลี่ย 4,200 ล้านลบ.ม. ต่อวินาที เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2562 ที่มีน้ำไหลผ่านโรงไฟฟ้าเฉลี่ย 2,994 ล้านลบ.ม.ต่อวินาที ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของปีก่อนประมาณร้อยละ 40 ในขณะเดียวกันโรงไฟฟ้าบางปะอิน โคเจนเนอเรชั่น ที่ 1 (BIC-1) และ 2 (BIC-2) ยังคงเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าได้อย่างต่อเนื่องตามปกติ เนื่องจากยังไม่มีแผนที่จะหยุดเดินเครื่องเพื่อซ่อมบำรุงใหญ่ในปีนี้ ส่วนโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ 9 แห่ง สามารถผลิตไฟฟ้าได้ตามเป้าเต็มกำลังการผลิตเช่นกัน

สำหรับรายได้ในช่วง 9 เดือนของปีนี้ มีรายได้รวม 5,724 ล้านบาท ลดลงจากช่วง 9 เดือนของปี 2562 ที่มีรายได้ 6,731 ล้านบาท ลดลง 1,007 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 15 โดยสาเหตุหลักมาจากการประกาศจ่ายไฟฟ้าด้วยความระมัดระวังของโรงไฟฟ้าพลังน้ำน้ำงึม 2 ทำให้ในครึ่งปีแรกของปี 2563 ขายไฟฟ้าได้น้อยกว่าครึ่งปีแรกของปี 2562 บวกกับค่าก๊าซของ BIC ในช่วง 9 เดือนของ 2563 ต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปี 2562 ประมาณร้อยละ 7 แต่บริษัทฯ ยังสามารถทำกำไรสุทธิที่เป็นของบริษัทฯ จำนวน 397 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิที่เป็นของบริษัท 257 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 140 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 55.0 ซึ่งสาเหตุมาจากการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในโรงไฟฟ้าไซยะบุรีที่ 231 ล้านบาท โดยโรงไฟฟ้าไซยะบุรีมีรายได้จากการขายไฟฟ้าช่วง 9 เดือนของปี 2563 รวม 8,942 ล้านบาท คิดเป็นปริมาณการขายไฟฟ้า 4,654.4 ล้านหน่วย

"เนื่องจากตั้งแต่ปลายไตรมาส 2 ของปีนี้ มีพายุและฝนตกต่อเนื่องในสปป.ลาว ทำให้ปริมาณน้ำที่ไหลเข้าอ่างเก็บน้ำโรงไฟฟ้าพลังน้ำ น้ำงึม 2 มีปริมาณเพิ่มขึ้น ขณะที่ปริมาณน้ำในแม่น้ำโขงที่ใช้ผลิตไฟฟ้าสำหรับโรงไฟฟ้าพลังน้ำ ไซยะบุรี อยู่ในระดับที่เพียงพอและเป็นที่น่าพอใจต่อการขายไฟฟ้าในช่วงเดือนแรกของไตรมาส 4 ที่ผ่านมาและคาดว่าสถานการณ์น้ำจะอยู่ในระดับที่น่าพอใจต่อเนื่องไปในปี 2564 ดังนั้น คาดว่าผลการดำเนินงานของบริษัทฯ จะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง" นายธนวัฒน์กล่าว

นายธนวัฒน์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้บริษัทฯ เตรียมออกหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกันวงเงินไม่เกิน 4,000 ล้านบาท ในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนนี้ เพื่อนำมาใช้ในการดำเนินงานและลงทุนโครงการใหม่ซึ่งอยู่ระหว่างการเจรจา โดยเมื่อเร็วๆ นี้ ทางทริสเรทติ้งได้จัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ดังกล่าวที่ระดับ "A-" แนวโน้มคงที่ ในขณะเดียวกันยังคงอันดับเครดิตองค์กรของ CKPower ที่ระดับ "A" แนวโน้ม คงที่ (Stable) ซึ่งทริสเรทติ้งชี้ว่า อันดับเครดิตของ CKPower สะท้อนผลงานในการพัฒนาและดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำขนาดใหญ่ และกระแสเงินสดรับที่คาดว่าจะได้จากสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ที่ได้รับอันดับเครดิต "AAA/Stable" อีกทั้ง บริษัทฯ มีประวัติการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพ โดยในสิ้นไตรมาสที่ 3 ของปี 2563 นี้ บริษัทฯ มีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายประมาณ 2,700 ล้านบาทหรืออัตรา EBITDA Margin ที่ร้อยละ 47 และมีอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยจ่ายสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 0.62 เท่า

ข้อมูลเกี่ยวกับ CKPower: บริษัทฯ ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานประเภทต่าง ๆ 3 ประเภท จำนวน 13 แห่ง รวมขนาดกำลังการผลิตติดตั้งที่ 2,167 เมกะวัตต์ ประกอบด้วย โรงไฟฟ้าพลังน้ำ 2 แห่ง ภายใต้ บริษัท ไฟฟ้าน้ำงึม 2 จำกัด ซึ่งบริษัทฯ ถือหุ้น 46% (ถือผ่าน บริษัท เซาท์อีสท์ เอเชีย เอนเนอร์จี จำกัด) ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 615 เมกะวัตต์ และบริษัท ไซยะบุรี พาวเวอร์ จำกัด ซึ่งบริษัทฯ ถือหุ้น 37.5% ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 1,285 เมกะวัตต์ โรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม จำนวน 2 แห่ง ภายใต้ บริษัท บางปะอิน โคเจนเนอเรชั่น จำกัด ซึ่งบริษัทฯ ถือหุ้นอยู่ 65% ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 238 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ 9 แห่ง ภายใต้ บริษัท บางเขนชัย จำกัด ซึ่งบริษัทฯ ถือหุ้น 100% จำนวน 7 แห่ง ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 15 เมกะวัตต์ ภายใต้ บริษัท เชียงรายโซล่าร์ จำกัด ซึ่งบริษัทฯ ถือหุ้น 30% จำนวน 1 แห่ง ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 8 เมกะวัตต์ และภายใต้บริษัท นครราชสีมา โซล่าร์ จำกัด ซึ่งบริษัทฯ ถือหุ้น 30% จำนวน 1 แห่ง ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 6 เมกะวัตต์

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๐ ธ.ค. ASMT ผนึก TFT ร่วมลงนามด้านวิชาการด้านอุตสาหกรรมการบิน
๒๐ ธ.ค. กรมวิชาการเกษตร เดินหน้า ถ่ายทอดองค์ความรู้การผลิตอะโวคาโดคุณภาพ สร้างรายได้เพิ่มให้เกษตรกรกว่า 2 แสนบาท/ไร่
๒๐ ธ.ค. Dow มุ่งพัฒนาประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์ Personal Care ควบคู่ความยั่งยืน ตอบโจทย์ผู้บริโภคตลาดเครื่องสำอางในภูมิภาคเอเชีย
๒๐ ธ.ค. โอซีซี มอบความรู้ พัฒนาอาชีพให้ผู้ต้องขังหญิง
๒๐ ธ.ค. ดร.นุชนารถ ชลคงคา นำทีมสถาบัน ESTC จัดอบรมให้ Karmakamet
๒๐ ธ.ค. กนภ. เห็นชอบร่าง พรบ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กลไกสำคัญสู่เส้นทางเศรษกิจคาร์บอนต่ำ และมีภูมิคุ้มกันฯ
๒๐ ธ.ค. WePlay x คอลแลบตัวละครสุดปัง! พบกับมินิเกมใหม่ และการ์ตูนสุดน่ารักที่คุณจะต้องหลงรัก
๒๐ ธ.ค. เดลต้า ประเทศไทย และ WEnergy Global ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงเพื่อขับเคลื่อนอนาคตพลังงานสีเขียว
๒๐ ธ.ค. ความภาคภูมิใจของ ไลอ้อน กับ 3 รางวัลแห่งเกียรติยศ เผยผลงานโดดเด่นกับหลายรางวัลที่ได้รับในปี 2567
๒๐ ธ.ค. NOBLE คว้าเรทติ้งสูงสุด ระดับ AAA SET ESG Ratings ประจำปี 2567 ยกระดับองค์กรสู่ความยั่งยืนภายในแนวคิด Live Different ตามกรอบ