หอการค้าไทย ร่วมกับ หอการค้าทั่วประเทศและเครือข่าย เตรียมจัดสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ ครั้งที่ 38 ในวันที่ 26 - 27 พ.ย. 63 ณ หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย โดย Theme ในปีนี้ "ไทยช่วยไทย คือ ไทยเท่" และจะนำผลสัมมนาเสนอรัฐบาลพิจารณา เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติให้เกิดผลเป็นรูปธรรม
นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ที่ผ่านมา หอการค้าไทยได้ผลักดันแนวคิด "ไทยเท่" ด้วยการนำอัตลักษณ์ของท้องถิ่นมาผสานกับนวัตกรรมและเทคโนโลยี ผนวกกับการใช้ความคิดสร้างสรรค์ พัฒนาให้เกิดเป็นสินค้าและบริการที่แตกต่าง เพื่อเพิ่มมูลค่า ซึ่งในปัจจุบันได้ขับเคลื่อนจนประสบความสำเร็จแล้วในหลาย ๆ กรณี ซึ่งหอการค้าไทยมุ่งหวังจะใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาและยกระดับความสามารถทางการแข่งขันให้แก่สมาชิกและผู้ประกอบการทั่วประเทศ โดยมุ่งเน้นใน 3 Value Chain ได้แก่ 1 การค้าและการลงทุน 2 เกษตรและอาหาร และ 3 การท่องเที่ยวและบริการ ซึ่งการเพิ่มมูลค่าใน สินค้าและบริการ ของผู้ประกอบการนั้น จะเป็นคำตอบของการผ่านวิกฤตโควิด-19 ในการขับเคลื่อนธุรกิจต่อไปได้
หอการค้าไทยจึงได้ร่วมมือกับหอการค้าทั่วประเทศและเครือข่าย ระดมสมองและจัดทำข้อเสนอแนะมาตรการในการกระตุ้นเศรษฐกิจของท้องถิ่น เพิ่มเติมจากมาตรการที่ภาครัฐดำเนินการอยู่ โดยเฉพาะด้านการส่งเสริมการท่องเที่ยวที่จะช่วยสร้างรายได้ให้กับเศรษฐกิจท้องถิ่นและเศรษฐกิจฐานราก
นายกลินท์ กล่าวว่า จากนโยบายดังกล่าว จึงได้มีการจัดสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศขึ้นเป็นประจำทุกปีเวียนไปตามภูมิภาคต่างๆ โดยในปีนี้จัดเป็นครั้งที่ 38 ซึ่งตามกำหนดเดิมหอการค้าจังหวัดอุบลราชธานีจะเป็นเจ้าภาพ แต่ด้วยสถานการณ์โควิด-19 จึงเห็นควรให้จัดที่กรุงเทพฯ เพื่อความเหมาะสมและสอดคล้องกับแนวทาง New Normal และในปีหน้าหากสถานการณ์เข้าสู่ปกติ จะกลับไปจัดที่จังหวัดอุบลฯ
โดยในปีนี้ จะจัดสัมมนาเพิ่มเติมในระบบ Conference เพื่อการเว้นระยะห่างทางสังคม (Social distancing) และอำนวยความสะดวกให้กับผู้ที่ไม่สามารถเดินทางมาร่วมสัมมนาได้ โดยจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 26 - 27 พฤศจิกายน 2563 ณ หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กรุงเทพฯ โดยกำหนด Theme การจัดงานสัมมนาฯ คือ "ไทยช่วยไทย คือ ไทยเท่" ทั้งนี้ ผลสรุปและข้อเสนอแนะทั้งหมดที่ได้จากการสัมมนาฯ ในครั้งนี้ หอการค้าไทย จะจัดทำเป็นสมุดปกขาวนำเสนอให้กับรัฐบาลและหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องได้พิจารณา เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติให้เกิดผลเป็นรูปธรรมต่อไป
นอกจากนั้นแล้ว หอการค้าไทยยังรณรงค์และสนับสนุนเรื่องการสร้างความยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง อาทิ โครงการเกี่ยวกับ Circular Economy ในเรื่อง Food waste, Plastic waste, อากาศสะอาด ซึ่งโครงการเหล่านี้จะช่วยสร้างความยั่งยืนให้กับเศรษฐกิจของประเทศไทยในอนาคต รวมทั้งการผลักดันโครงการ 1 ไร่ 1 ล้าน ซึ่งจะช่วยลดความเหลื่อมล้ำในประเทศลงได้
ดร.กฤษณะ วจีไกรลาศ กรรมการเลขาธิการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศในปีนี้ ได้ให้ความสำคัญในด้านการผลักดันเศรษฐกิจ และการปรับตัวของผู้ประกอบการหลังโควิด-19 โดยจะมีทั้งการกล่าวเปิดสัมมนาฯ (กล่าวสุนทรพจน์) "ไทยเท่ ร่วมใจ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจหลัง COVID - 19" โดยประธานกรรมการหอการค้าไทย และบรรยาย "มองโลกดูไทย เศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร : บทเรียนจาก COVID - 19" โดยประธานประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) รวมทั้ง เสวนาและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเชิงปฏิบัติการ อาทิ เรื่อง "ฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยด้วย Happy Model : โมเดลอารมณ์ดี มีความสุข" / เรื่อง "เพิ่มศักยภาพ ผู้ประกอบการ รับวิถี new normal" / เรื่อง "โลกเปลี่ยน ธุรกิจปรับ รับวิถี new normal" เป็นต้น
นอกจากนี้ หอการค้าไทย ยังได้รับเกียรติจาก นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ เรื่อง "วิถีใหม่ รวมไทยสร้างชาติ" และปาฐกถาพิเศษ เรื่อง "กลไกความร่วมมือภาครัฐและภาคเอกชน ภายใต้วิถีใหม่ (New Normal)" โดยพลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
ดร.กฤษณะ กล่าวว่า การสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศในครั้งนี้ หอการค้าไทยคาดหวังว่าผลที่ได้จากการสัมมนานี้จะเป็นแรงที่จะช่วยผลักดันเศรษฐกิจของประเทศ และจะช่วยทุกภาคส่วนได้มีส่วนร่วมในการสร้างให้เกิด มูลค่าเพิ่มทั้งในด้านสินค้าและการบริการ เกิดการกระจายรายได้ และยังเป็นการสร้างความเข้มแข็งให้กับท้องถิ่นในทุกจังหวัด ได้เติบโตร่วมกันอย่างยั่งยืนต่อไป