TITLE อสังหาฯทางเลือกบนเกาะภูเก็ต ประเมินแนวโน้มธุรกิจไตรมาส4/63 มีสัญญาณดี หลังจากประเทศไทย ยังคงควบคุมการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 ได้ดีเป็นอันดับต้นๆ ขณะที่ภาครัฐผ่อนคลายมาตรการต่าง ๆ เพื่อให้นักท่องเที่ยวเข้าประเทศได้มากขึ้น ช่วยกระตุ้นท่องเที่ยวและสนับสนุนความต้องการซื้ออสังหาฯเพิ่มขึ้น ฟาก"ศศิพงษ์ ปิ่นแก้ว" ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม ระบุ บริษัทฯมีโครงการพร้อมขาย และรอเปิดการขาย มูลค่ากว่า 1 หมื่นล้านบาท หนุนอนาคตกลับมาเติบโตโดดเด่น
นายศศิพงษ์ ปิ่นแก้ว ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน)หรือTITLE เปิดเผยว่า ภาพรวมการดำเนินธุรกิจในช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้มีทิศทางที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่สถานการณ์แพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 เริ่มดีขึ้น โดยเฉพาะประเทศไทยยังคงควบคุมการแพร่ระบาดได้ดีเป็นอันดับต้นๆ ขณะเดียวกันเริ่มมีบางประเทศสามารถผลิตวัคซีนได้ จึงถือเป็นจุดเริ่มต้นของความสามารถในการควบคุมการแพร่ระบาดในอนาคตได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ขณะเดียวกันในไทย เมื่อภาครัฐได้ประกาศมาตรการผ่อนคลายต่าง ๆ ทำให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศไทยมากขึ้น ช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยว และเพิ่มความสนใจในการซื้ออสังหาริมทรัพย์มากขึ้น อย่างไรก็ตาม บริษัทฯคาดว่า น่าจะได้เห็นสัญญาณการฟื้นตัวของกำลังซื้ออสังหาริมทรัพย์จากชาวต่างชาติได้ในเร็วๆนี้
"ถ้าหากรัฐบาลเริ่มเปิดประเทศให้ต่างชาติเข้าไทยได้ ก็จะช่วยเพิ่มกำลังซื้อของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งจะเป็นผลดีกับTITLE เนื่องจากมีลูกค้าต่างชาติเป็นกลุ่มเป้าหมายหลัก ขณะเดียวกันบริษัทฯได้มีการเตรียมความพร้อมการเปิดขายโครงการต่างๆมูลค่ารวมกว่า 1 หมื่นล้านบาท เพื่อรองรับดีมานด์ที่จะเข้ามา ซึ่งคาดว่าจะเป็นปัจจัยที่สำคัญช่วยสนับสนุนการเทิร์นอะราวด์ได้อย่างแน่นอน" นายศศิพงษ์กล่าว
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม กล่าวอีกว่า ภาพรวมของผลการดำเนินงานในงวดไตรมาส3/2563 บริษัทฯมีรายได้รวมอยู่ที่ 8.81 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิอยู่ที่ 16.75 ล้านบาท ขณะที่งวด 9 เดือนมีรายได้รวมอยู่ที่ 84.35 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 36.20 ล้านบาท
ทั้งนี้จากผลการดำเนินงานในงวดไตรมาส 3/2563 ถือเป็นผลสะท้อนของสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 ต่อการท่องเที่ยวของไทยที่ทำให้ชาวต่างชาติไม่สามารถเดินทางเข้ามาทำธุรกรรมในประเทศไทยได้ เนื่องจากมาตรการ lock down แต่ปัจจุบันสถานการณ์เริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้น ดังนั้นแผนการดำเนินธุรกิจในช่วงที่เหลือของปีนี้ บริษัทฯยังคงเดินหน้าติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินผลและกำหนดแนวทางการบริหารจัดการในการเปิดตัวโครงการได้อย่างเหมาะสม
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯคาดว่าการดำเนินการก่อสร้างโครงการThe Title Rawai Phase 5 (The Title V) มูลค่าโครงการโดยประมาณ 1,100 ล้านบาท น่าจะทำให้แล้วเสร็จในไตรมาส 4 ของปีนี้ เพื่อรองรับการโอนกรรมสิทธิ์หากสถานการณ์ต่างๆคลี่คลาย รวมทั้งอยู่ระหว่างพิจารณาเปิดการขายโครงการ The Title Naiyang Phase 3 (Halo 1) มูลค่าโครงการ ประมาณ 1,640 ล้านบาท เป็นต้น