นายจิตติพร จันทรัช กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็กโซติค ฟู้ด จำกัด (มหาชน) หรือ XO เปิดเผยถึง ผลประกอบการงวดประจำไตรมาส 3/2563 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 96.56 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 132.90% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 2/2563 ที่ทำนิวไฮไว้ที่ 91.92 ล้านบาท สนับสนุนกำไรสุทธิงวด 9 เดือนแรกของปีนี้ อยู่ที่ 235.80 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 91.64% เมื่อเทียบกับงวด 9 เดือนแรกของปีก่อน และมากกว่าปี 2562 ทั้งปี ที่ทำไว้ที่ 121.99 ล้านบาท
สำหรับรายได้จากการขาย งวดประจำไตรมาส 3/2563 อยู่ที่ 345.53 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 36.70% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจาก การเพิ่มขึ้นของรายได้จากการขายสินค้ากลุ่มซอสปรุงรสและน้ำจิ้มต่างๆ ในทวีปยุโรป สนับสนุนงวด 9 เดือนแรกของปีนี้ รายได้จากการขายอยู่ที่ 957.34 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 25.12% ทั้งนี้ จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ทำให้ผู้บริโภคหันมาทำอาหารทานเองที่บ้านมากขึ้น จึงมีความต้องการซอสปรุงรสเพื่อใช้ในการประกอบอาหารเพิ่มขึ้น
"ภาพรวมผลงานไตรมาส 3 ปีนี้ ที่ประกาศออกมา สามารถบันทึกสถิติสูงสุดใหม่ให้บริษัทฯ ได้ต่อเนื่องจากไตรมาส 2 รับอานิสงส์ผู้บริโภคหันมาทำอาหารทานเองที่บ้านมากขึ้น ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในหลายประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะในยุโรป ปัจจุบันบริษัทมีกลุ่มลูกค้า 60 ประเทศทั่วโลก โดยลูกค้ากลุ่มหลักมาจากทวีปยุโรปคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 79.23% ของยอดขายรวม ส่งผลให้ต้นทุนต่อหน่วยลดลง และเพิ่มความสามารถในการทำกำไรให้บริษัทฯ ได้ โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นในไตรมาส 3 และงวด 9 เดือนแรกปีนี้อยู่ที่ 42.14% และ 39.65% ตามลำดับ" นายจิตติพร กล่าว
สำหรับไตรมาส 4/2563 มองแนวโน้มยังเติบโตต่อเนื่อง รับอานิสงส์ยุโรปประกาศ Lockdown รอบ 2 คุมเข้มสถานการณ์โควิด-19 ตั้งเป้ารายได้ทั้งปีเติบโต 20% จากปีก่อนทำได้ราว 999 ล้านบาท ทั้งนี้ เพื่อขยายโอกาสในการเติบโต ในปี 2564 บริษัทฯ เตรียมตั้งงบลงทุนจ่ายค่าแรกเข้า (Listing fee) ดันสินค้ากลุ่มซอส ซึ่งเป็นสินค้ากลุ่มที่มีมาร์จิ้นสูงที่สุดเข้าห้างฯ เพื่อเจาะตลาดยุโรปและตลาดที่มี potential เพิ่มขึ้น และมองว่ายังมีอีกหลายพื้นที่ศักยภาพที่บริษัทฯ เข้าไปวางจำหน่ายได้ เชื่อ จะสนับสนุนรายได้และกำไรที่ดีต่อเนื่องในอนาคต และตั้งเป้าปี 2564 จะเติบโตต่อจากปีนี้อีก 10% ซึ่งเป็นเป้าหมายมาตรฐานในทุกปีของบริษัทฯ และเป็นการเติบโตจากฐานในปีนี้ที่สูงขึ้น ตอกย้ำความมั่นใจ สินค้ากลุ่มซอสยังเป็นปัจจัยสำคัญเพื่อใช้ประกอบการทำอาหารของทั่วโลก
"การนำสินค้าเข้าห้างฯ ต้องมีค่า Listing Fee ดังนั้น จะขยายได้เร็วขึ้น เราต้องลงทุนตั้งงบส่วนนี้ขึ้นมา เพื่อให้ตัวแทนเจาะตลาดได้มากขึ้น ซึ่งจะแจ้งความคืบหน้าให้ทุกท่านทราบต่อไปหลังมีความชัดเจน โดยเรายังคงมองตลาดยุโรปและตลาดจีนเป็นตลาดที่เราสนใจ เนื่องจากสินค้าของเราได้รับการตอบรับ และเป็นตลาดที่แข็งแกร่ง อีกทั้ง หลังวิกฤตการแพร่ระบาดของโควิด-19 เรายังคงเชื่อว่า ผู้บริโภคจะเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมใหม่ หันมานิยมทำอาหารทานเองที่บ้านอย่างต่อเนื่อง" นายจิตติพร กล่าวทิ้งท้าย