ดร.สมโภชน์ วัลยะเสวี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สตาร์เฟล็กซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SFLEX เปิดเผยถึง ผลประกอบการไตรมาส 3/2563 มีกำไรสุทธิที่ 37.53 ล้านบาท เติบโต 130.10% เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 16.31 ล้านบาท สามารถทำกำไรขั้นต้นในอัตรา 21.39% ของยอดขาย ซึ่งคิดเป็นอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นถึง 21.74% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้น 17.57% เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากยอดขายที่เพิ่มขึ้น และการบริหารต้นทุนการผลิตสินค้าโดยปรับความสามารถในการผลิต และการบริหารต้นทุนวัตถุดิบให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ขณะที่ ไตรมาส 3/2563 มีรายได้รวมอยู่ที่ 376.95 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 17.34% โดยในส่วนของรายได้จากการขายอยู่ที่ 373.94 ล้านบาท ซึ่งประกอบด้วย กลุ่มสินค้าอุปโภค (Non-Food) จำนวน 278.37 ล้านบาท และกลุ่มสินค้าบริโภค (Food) จำนวน 92.29 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 75.10% และ 24.90% ตามลำดับ
"ผลประกอบการสะท้อนการทำงานตามแผนที่วางไว้รวมถึงการบริหารจัดการต้นทุนภายในที่มีประสิทธิภาพและได้รับการยอมรับจากลูกค้ากลุ่มหลักของ SFLEX ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายกลุ่มสินค้าอุปโภค (Non-Food) และกลุ่มบริโภค (Food) รายใหญ่ของประเทศ รวมทั้งความสำเร็จในการขยายฐานลูกค้า ปัจจุบันบริษัทมีลูกค้ารายใหญ่อยู่ที่ 55 ราย จากในปี 2562 มีลูกค้ารายใหญ่อยู่ราว 37 ราย ทั้งนี้ ลูกค้าที่เพิ่มขึ้นอยู่ในกลุ่ม Food ซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่มาก โดยเชื่อมั่นกลยุทธ์การผลิตบรรจุภัณฑ์เกรดพรีเมี่ยมและคิดค้นนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องร่วมกับลูกค้า และการขยายเข้าสู่ตลาด Medical (บรรจุภัณฑ์เครื่องมือแพทย์) ซึ่งมีมาร์จิ้นสูง ซึ่งจะรับรู้รายได้ในไตรมาส 4/2563 เต็มไตรมาส พร้อมทั้งรักษาอัตรากำไร เพื่อทำให้ภาพรวมผลการดำเนินงานเป็นไปตามแผนที่วางไว้ " ดร.สมโภชน์ กล่าว
ส่วนแนวโน้มผลประกอบการในช่วงไตรมาส 4/2563 คาดว่ายอดขายจะสามารถสร้างสถิติใหม่สูงสุดได้ต่อเนื่อง เพราะเข้าสู่ช่วงไฮซีซันของธุรกิจเป็นไปตามความต้องการใช้งานบรรจุภัณฑ์ต่างๆ ในช่วงปลายปี นอกจากนี้ จากการเดินหน้าทำตลาดลูกค้าใหม่ๆ มากขึ้น ส่งผลให้คำสั่งซื้อขยับสูงขึ้นตาม และเน้นเจาะตลาดบรรจุภัณฑ์เกรดพรีเมี่ยมในกลุ่มอาหาร บริษัทมั่นใจว่าผลการดำเนินงานรวมปี 2563 จะเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ พร้อมกันนี้เร่งเจรจาเตรียมปิดดีล M&A ภายในไตรมาส 4 ปีนี้