อย่างไรก็ตาม บริษัทคาดว่าไตรมาส 4 ปี 2563 ผลการดำเนินงานของบริษัทน่าจะเป็นบวกได้ เนื่องจาก ในไตรมาสนี้ เป็นช่วงที่มีเทศกาลและวันหยุดยาวต่อเนื่อง ทำให้คาดว่ายอดขายของบริษัทจะปรับตัวขึ้นจากไตรมาสที่ผ่านมา นอกจากนี้ จากที่บริษัทได้เล็งเห็นโอกาสทางธุรกิจของตลาดน้ำซอสและเครื่องปรุงที่มีมูลค่าตลาดไม่ต่ำกว่า 30,000 ล้านบาท ซึ่งน้ำจิ้มสุกี้ และบาบีคิว ของร้าน Hotpot และ Daidomon มีรสชาตถูกปากกลุ่มผู้บริโภคและเป็นจุดขายของบริษัทมายาวนาน บริษัทจึงมีแผนเร่งปรับปรุงและมุ่งเน้นการพัฒนาตลาดน้ำจิ้มสุกี้ และบาบีคิว โดยตั้งหน่วยขายขึ้นมารับผิดชอบโดยตรงเพื่อเจาะตลาดผ่านช่องทาง Modern Trade และ ห้างสรรพสินค้า อย่างจริงจัง จากเดิมที่ช่วง Covid บริษัทได้หยุดทำกิจกรรมทางการตลาดไประยะหนึ่ง และเน้นขายผ่านหน้าร้านเพียงอย่างเดียว และหากตลาดน้ำจิ้มของบริษัทได้รับกระแสตอบรับที่ดี ในปี 2564 บริษัทมีแผนขยายไปยังตลาดอาหารสำเร็จรูปและกึ่งสำเร็จรูปแช่แข็ง (Frozen Food) ซึ่งปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างพัฒนาบรรจุภัณฑ์ให้ดึงดูดความสนใจและรสชาติอาหารให้ถูกปาก เพื่อให้ตอบสนองตรงกับความต้องการของผู้บริโภค ในขณะที่แผนการลงทุนร้านใหม่ในช่วงนี้จนถึงปีหน้าคงต้องชะลอการลงทุนไปก่อน แต่จะเน้นปรับปรุงและพัฒนาร้านเดิมที่มีอยู่ในปัจจุบันให้มีคุณภาพอาหารและการบริการที่ดียิ่งขึ้น ในส่วนการควบคุม Food Cost จะพยายามไม่ให้ส่งผลกระทบต่อคุณภาพอาหาร แต่จะเน้นการจัดหาวัตถุดิบจากคู่ค้า (Supplier) ที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น เพื่อสร้างโอกาสในการต่อรองราคาและเงื่อนไขทางการค้าที่เอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทมากที่สุด
- พ.ย. ๒๕๖๗ AO Fund เสริมทุน JCK และ JCKH
- พ.ย. ๐๖๖๖ ภาพข่าว: ผถห. JCKH อนุมัติออกหุ้นกู้ 500 ลบ. / เพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 203.21 ล้านบาท
- พ.ย. ๒๕๖๗ ผถห. JCKH ไฟเขียวออกหุ้นกู้ 500 ลบ. เดินหน้าขยายสาขาเพิ่มรายได้ - เร่งลดต้นทุนสร้างกำไร ปักหมุดปี 62 ยอดขายเติบโต 8-10%