นายประยูร อัสสกาญจน์ กล่าวถึงสาเหตุที่เข้ามาลงทุนในครั้งนี้ เนื่องจากเล็งเห็นถึงโอกาสทางธุรกิจในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับกิจการ โดยปัจจุบันเป็นผู้ก่อตั้งบริษัทฯพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งสามารถนำประสบการณ์ด้านการขายอสังหาริมทรัพย์ มาใช้กับธุรกิจนายหน้าตัวแทนอสังหาริมทรัพย์ (Real Estate Agent)และธุรกิจบริการตอบรับข้อมูลศูนย์ (Call Center) อีกทั้งยังเคยเป็นผู้ก่อตั้งบริษัทฯให้บริการด้านสินเชื่อทั้งอสังหาริมทรัพย์และสังหาริมทรัพย์จดทะเบียน ซึ่งส่วนหนึ่งเช่น แผนกเร่งรัดหนี้สิน ตรงกับธุรกิจทวงถามหนี้ (Collection Service)ของ บริษัท โกลบอล เซอร์วิส เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ GSCโดยจะพัฒนาธุรกิจของ บริษัท โกลบอล เซอร์วิส เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ GSC ในทุกๆ ด้านพร้อมกัน โดยธุรกิจทวงถามหนี้ (Collection Service) ขณะนี้กำลังศึกษาความเป็นไปได้ในการประกอบธุรกิจด้านบริหารสินทรัพย์ (Asset Management Company) หรือ AMC ซึ่งจะสามารถเพิ่มมูลค่าของ ของบริษัท โกลบอล เซอร์วิส เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ GSC เติบโตอย่างรวดเร็ว
ด้านธุรกิจนายหน้าตัวแทนอสังหาริมทรัพย์ (Real Estate Agency) จะจัดตั้งบริษัทฯ Real Estate Agent เพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันในธุรกิจนี้ ให้กับ บริษัท โกลบอล เซอร์วิส เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ GSC อันจะทำให้บริษัทฯ ได้ผลตอบแทนอย่างมาก โดย Concept ใช้บุคลากรน้อยแต่รายได้มาก ส่วนธุรกิจบริการตอบรับข้อมูลศูนย์ (Call Center) จะใช้ร่วมกับระบบปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI เพื่อเพิ่มฐานลูกค้าและตอบสนองการให้บริการอัตโนมัติในภาคบริการอื่น อาทิเช่น ศูนย์ข้อมูลทางด้านการเงิน และ การประชาสัมพันธ์จำหน่ายสินค้าและบริการ ตอบสนองพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปในยุค New Normal
ด้านนายพลาคม ชัยกิตติศิลป์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โกลบอล เซอร์วิส เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ GSC เปิดเผยว่า บริษัทฯ วางเป้าหมายเป็นผู้ให้บริการงาน Outsource ต่างๆ อย่างครบวงจร โดยจะขยายการบริการที่บริษัทฯ มีการให้บริการในปัจจุบัน และการเพิ่มการบริการที่เกี่ยวเนื่องสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อเป็น Total Solution ได้อย่างสมบูรณ์ โดย ปัจจุบัน บริษัทฯ มีเจ้าหน้าที่ให้บริการสำหรับธุรกิจ Call Center ประมาณ 148 คน ขณะที่ธุรกิจติดตามและทวงถามหนี้ มีเจ้าหน้าที่ให้บริการประมาณ 137 คน และมีพันธมิตรที่หลากหลายทั้งสถาบันการศึกษา ภาครัฐและเอกชน
ทั้งนี้ ธุรกิจศูนย์บริการข้อมูล ยังมีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพราะปัจจุบันองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชน อาทิ ธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงิน ประกันภัย และอุตสาหกรรมโทรคมนาคม ให้ความสำคัญต่อการบริการข้อมูล เนื่องจากเป็นธุรกิจที่มีฐานลูกค้ากว้าง ประกอบกับผู้บริโภคมีความต้องการข้อมูลสูง โดยธุรกิจที่มีฐานลูกค้าขนาดใหญ่อาจเลือกที่จะติดตั้งระบบศูนย์บริการข้อมูลของตนเอง (In-house Contact Center) หรือใช้บริการศูนย์บริการข้อมูล (Outsource Contact Center Services) ให้เป็นผู้ดำเนินการ ในกรณีที่ต้องการผู้เชี่ยวชาญและประสิทธิภาพสูงขึ้น
ขณะที่ในอนาคตบริษัทฯวางแผนที่จะต่อยอดธุรกิจที่มีอยู่ให้แตกแขนงออกไปอีกด้วยการจับมือกับพาร์ทเนอร์ที่มีความชำนาญ ซึ่งมั่นใจว่าจะสร้างการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง