นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวว่า "การยกระดับการคุ้มครองและส่งเสริมสิทธิผู้ถือหุ้นเป็นภารกิจสำคัญของ ก.ล.ต. ซึ่งการเสริมสร้างองค์ความรู้ด้านกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์และการดำเนินคดีแบบกลุ่มให้กับทนายความจะช่วยให้กลไกการเยียวยาความเสียหายของผู้ลงทุนในตลาดทุนมีความเข้มแข็งมากยิ่งขึ้น ดังนั้น ก.ล.ต. จึงร่วมมือกับสภาทนายความ ในพระบรมราชูปถัมภ์ เพื่อสนับสนุนให้มีทนายความที่มีความเชี่ยวชาญในการดำเนินคดีแบบกลุ่มสำหรับคดีในตลาดทุน และอำนวยความยุติธรรมให้กับผู้เสียหายในตลาดทุนให้ได้รับการเยียวยาความเสียหายจากผู้กระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ การจัดสัมมนาในครั้งนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่จะช่วยให้ทนายความมีความพร้อม และสามารถนำไปถ่ายทอดหรือแนะนำผู้ลงทุนให้มีความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับขั้นตอนและกระบวนการตามกฎหมายในการดำเนินคดีแบบกลุ่ม รวมทั้งเป็นการส่งเสริมให้ผู้ลงทุนได้ตระหนักถึงสิทธิของตนในการได้รับการเยียวยาความเสียหายจากผู้กระทำความผิดตามกฎหมายดังกล่าว"
ว่าที่ร้อยตรี ดร. ถวัลย์ รุยาพร นายกสภาทนายความ ในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวว่า "พระราชบัญญัติทนายความ พ.ศ. 2528 กำหนดให้สภาทนายความมีวัตถุประสงค์ที่สำคัญประการหนึ่ง คือ การส่งเสริม ช่วยเหลือ แนะนำ เผยแพร่ และให้การศึกษาแก่ประชาชนในเรื่องเกี่ยวกับกฎหมาย ซึ่งมีคณะกรรมการช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมาย สภาทนายความเป็นผู้มีอำนาจหน้าที่ในการให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชนผู้ยากไร้และไม่ได้รับความเป็นธรรม ซึ่งประกอบด้วย (1) การให้ความช่วยเหลือโดยแนะนำทางกฎหมาย ณ สถานที่ราชการ เช่น ประจำศาล สถานีตำรวจ หน่วยงานราชการอื่น และที่สภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ และ (2) การให้ความช่วยเหลือด้านคดีแพ่ง คดีอาญา การคุ้มครองสิทธิของประชาชน การคุ้มครองให้ความช่วยเหลือคำสั่งทางการปกครอง การให้ความช่วยเหลือในการคุ้มครองพิทักษ์สิ่งแวดล้อม การคุ้มครองประชาชนผู้บริโภค และการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท
การคุ้มครองประชาชนในฐานะผู้เสียหายในตลาดทุนของ ก.ล.ต. เป็นการให้ความช่วยเหลือทางกฎหมาย นับเป็นการคุ้มครองประโยชน์สาธารณะที่มีความสำคัญ เนื่องจากการกระทำความผิดในตลาดทุนมีผลกระทบในวงกว้างและสร้างความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจโดยตรง อันมีผลต่อการพัฒนาประเทศ อีกทั้งมีผู้ได้รับความเสียหายเป็นประชาชนจำนวนมาก ซึ่งสภาทนายความได้มีแผนงานรองรับในกรณีนี้ผ่านการดำเนินคดีแบบกลุ่ม โดยจัดอบรมทนายความอาสาให้มีความเชี่ยวชาญ เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการอำนวยความยุติธรรม นอกจากนี้ ยังเป็นวิธีการที่สามารถคุ้มครองผู้เสียหายจำนวนมากได้ในการดำเนินคดีเพียงครั้งเดียว"