โดยการจำหน่ายไฟฟ้าเข้าสู่ระบบเชิงพาณิชย์ (COD) ดังกล่าว ได้เริ่มจำหน่ายไฟให้กับ 10 โครงการได้แก่ บริษัท เค.เค.บี.บ้านโป่ง จำกัด บริษัท ไทยสตาร์ โพลีฟิล์ม จำกัด บริษัท เซ็นไทย พลาสติก จำกัด บริษัท ณฐาภพ จำกัด บริษัท แจ่มฟ้า ช้อปปิ้งมอลล์ จำกัด บริษัท ดาต้า เพาเวอร์ จำกัด บริษัท โบลท์ แอนด์ นัท อินดัสตรี้ จำกัด บริษัท ห้องเย็นท่าข้าม จำกัด บริษัท กาญจนา เฟรช พอร์ค จำกัด และ บริษัท สมบูรณ์ แพ็คเกจจิ้ง (888) จำกัด
ดร.ฤทธี กิจพิพิธ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เผยว่า "ปัจจุบัน โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนหลังคา หรือ Solar Rooftop ภายใต้การดำเนินงานของ SAP ได้ทยอยจำหน่ายไฟฟ้าเข้าสู่ระบบเชิงพาณิชย์ (COD) ไปแล้ว 10 โครงการ ขนาดกำลังการผลิตรวม 5 เมกะวัตต์ โดยจะทำให้บริษัทรับรู้รายได้เพิ่มขึ้นในไตรมาสที่ 4/2563 เป็นต้นไป แม้ว่าช่วงต้นปีที่ผ่านมาการดำเนินงานอาจจะล่าช้าลงบ้างจากสถานการณ์โควิด-19 แต่ปัจจุบันบริษัทกลับมาเริ่มงานก่อสร้างและติดตั้งได้อย่างเต็มกำลังแล้ว ทำให้หลังจากนี้เราจะสามารถทยอย COD ให้แก่ผู้ประกอบการได้อย่างต่อเนื่อง"
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา SAP ได้จัดงานพิธีลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าภาคเอกชน (Private PPA) ร่วมกับผู้ประกอบการ จำนวน 11 ราย ส่งผลให้ปัจจุบันมีกำลังการผลิตในมือรวมกว่า 17 เมกะวัตต์ คิดเป็นเงินลงทุนรวมราว 460 ล้านบาท เมื่อ COD ครบทั้ง 17 MW แล้ว จะทำให้รับรู้รายได้เพิ่มขึ้นกว่า 82 ล้านบาทในปีหน้า โดย SCN เตรียมรับรู้กำไรในลักษณะ Share of Profit มากขึ้นจากโครงการ SAP ในสัดส่วน 53.5% นอกจากนี้ SAP ยังเป็นโครงการ Solar Rooftop ที่ได้รับการสนับสนุนจากสถาบันการเงินรายใหญ่ของประเทศ แสดงถึงความพร้อมด้านการลงทุนอย่างเต็มที่ ซึ่ง SAP ตั้งเป้าเดินหน้าสู่กำลังการผลิต 20 เมกะวัตต์ ภายในปลายปี 2563