เนื่องจากทางศูนย์การศึกษาทั่วไป จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้พิจารณาแล้วเห็นว่า เนื้อหาในรายวิชานี้จะสามารถช่วยให้นิสิตมีโอกาสเพิ่มการเรียนรู้ ในแง่ของการใช้ชีวิตอย่างมีหลักการ สามารถพัฒนาตัวเองทางความคิด พัฒนาปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น เพื่อให้เป็นคนที่มีคุณภาพ สามารถสร้างประสิทธิผลสูง และสามารถช่วยต่อยอดได้ในทุกสาขาอาชีพให้ประสบความสำเร็จได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
"นี่เป็นโอกาสทองของนิสิตจุฬา ฯ ที่จะได้เรียนรู้ศาสตร์เหล่านี้ตั้งแต่ยังเป็นนิสิต ซึ่งสามารถนำไปใช้ในการทำงานในอนาคตอย่างแน่นอน โดยเรียนรู้บนพื้นฐานของ 'อุปนิสัยทั้ง 7' ที่ทั่วโลกยอมรับ อยากจะเชิญชวนนิสิตให้เลือกวิชานี้ นิสิตจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับ วิธีการคิดเชิงรุก การกำหนดเป้าหมายของการมีชีวิต การวางแผนกิจกรรมในชีวิตประจำวัน ศิลปะการฟังที่ดี เทคนิคต่าง ๆ ในการต่อรอง และ การฝึกฝนการพัฒนาการเรียนรู้ตลอดชีวิต ผมเชื่อว่า การเรียนรู้อย่างมีประสิทธิผลสูงสุดคือการเรียนที่นำไปใช้ได้จริงได้ วิชา "เรียนให้รู้ อยู่ให้เป็น" จึงเป็นคำตอบหนึ่งของการสร้างอัตลักษณ์ด้านความเป็นผู้นำให้กับนิสิตจุฬา ฯ"
คุณพรทิพย์ อัยยิมาพันธ์ ผู้ก่อตั้งและประธานบริหารกลุ่มบริษัทแพคริม กล่าวว่า แพคริมมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับความไว้วางใจจาก ศูนย์การศึกษาทั่วไป จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้นำหลักสูตร "7 อุปนิสัยของผู้มีประสิทธิผลสูงสำหรับนิสิต" หรือ "The 7-Habits" ที่ได้รับการยอมรับในแวดวงธุรกิจและการศึกษาทั่วโลกเป็นอย่างสูง มาบรรจุเป็นวิชาเลือกให้นิสิตจุฬาฯได้เรียนรู้ ภายใต้ชื่อวิชา "เรียนให้รู้ อยู่ให้เป็น" (Learning & Embracing Life Skills) ซึ่งสอดคล้องกับปณิธานของแพคริมที่ขอมีส่วนในการช่วยพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณภาพให้กับประเทศไทย
"เราชื่นชมในวิสัยทัศน์ และความคิดริเริ่มของ ท่านอธิการบดี และผู้บริหารศูนย์การศึกษาทั่วไป จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่เปิดโอกาสให้นิสิตจุฬา ฯ ได้เรียนวิชานี้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของหลักสูตรที่ได้รับการยอมรับเป็นอย่างสูงในแวดวงคอร์ปอเรท และสถาบันการศึกษาทั่วโลก"
ในส่วนของมุมมองจากผู้บริหารรุ่นใหม่อย่างนายแพทย์ระวีวัฒน์ มาศฉมาดล (คุณหมอเส) เจ้าของโรงพยาบาลศัลยกรรมชื่อดังมาสเตอร์พีช กล่าวว่าจากการศึกษาวิจัยพบว่าคนส่วนใหญ่ที่ประสบความสำเร็จนั้น ความรู้ในเชิงวิชาชีพเฉพาะ (specialist) ที่ได้เรียนมามีผลแค่ไม่ถึง 20% ขณะที่ 80% ของปัจจัยความสำเร็จที่แท้จริงมาจาก ทักษะ กระบวนการ มายด์เซต และความสัมพันธ์หรือพฤติกรรมที่เราทำกับคนอื่น ซึ่งเป็นรากฐานที่มีอยู่ในหลักการของ 7 Habits
ดังนั้นโดยส่วนตัวแล้วจึงเชื่อว่าสัดส่วนของนิสิตจุฬาฯ ที่จะมีความก้าวหน้าและประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานและชีวิตส่วนตัวอย่างสูงจะมีเพิ่มมากขึ้นอีกในอนาคต และจะส่งผลกระทบในเชิงบวกต่อประเทศและสังคมโดยส่วนรวม
"ผมจะบอกว่าถ้าผมได้เรียน (หลักสูตร 7 Habits) เร็วกว่านี้สัก 10 ปี หรือ 20 ปี ผมเชื่อว่าผมและบริษัทผมจะเติบโตไปมากกว่านี้อย่างน้อย 10 เท่า" นพ.ระวีวัฒน์กล่าวในที่สุด
เกี่ยวกับ แพคริม เอ็ดดูเคชั่น
PacRim Education คือตัวแทนแต่เพียงผู้เดียวของ FranklinCovey Education ในประเทศไทย
เราเป็นส่วนหนึ่งของ กลุ่มบริษัท แพคริม ผู้นำและผู้บุกเบิกการพัฒนาผู้นำ การปรับวัฒนธรรมองค์กร การปฏิบัติการให้ได้ผลลัพธ์ (execution) การทำทรานส์ฟอร์เมชัน และนวัตกรรม ให้กับกว่า 80% ขององค์กรชั้นนำ ที่ติดอันดับ 500 แห่งแรกในประเทศไทย
