นายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและแกนนำในการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไป (IPO) ของบริษัท เจ.อาร์.ดับเบิ้ลยู.ยูทิลิตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ JR เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีความมั่นใจว่าเมื่อหุ้นเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในกลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) ในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2563 จะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากนักลงทุน
พร้อมทั้งเชื่อว่าจะเป็นหุ้นน้องใหม่ที่สามารถสร้างผลตอบแทนที่น่าพอใจ เนื่องจากบริษัทฯ มีความเชี่ยวชาญทั้งงานวิศวกรรมระบบไฟฟ้า และระบบสื่อสารโทรคมนาคมและเทคโนโลยีสารสนเทศ แบบครบวงจร ผู้บริหารมีประสบการณ์ และมีความเชี่ยวชาญมายาวนานกว่า 27 ปี ซึ่งได้รับความเชื่อถือจากคู่ค้า รวมทั้งมีความสามารถบริหารต้นทุนได้ดี ส่งผลให้ประสิทธิภาพในการทำกำไรโดดเด่น
ทั้งนี้ บริษัทฯ รายงานผลการดำเนินงานในงวดไตรมาส 3/2563 มีกำไรสุทธิ 33.76 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 129.61% จากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิเท่ากับ 14.70 ล้านบาท ขณะที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 464.49 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 263% จากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้เท่ากับ 127.96 ล้านบาท ส่วนงวด 9 เดือนของปี 2563 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 63.69 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 56.25% จากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิเท่ากับ 40.76 ล้านบาท ขณะที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 929.27 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 45.87% จากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวมเท่ากับ 637.06 ล้านบาท และมีงานในมือที่ลงนามในสัญญาแล้ว (backlog) ณ สิ้นไตรมาส 3/2563 อยู่ที่ 6,169.53 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้ในไตรมาส 4 ปีนี้อีก 322 ล้านบาท และส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้ปี 2564-66 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นงานโครงการเปลี่ยนสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดินตามแนวรถไฟฟ้าสายสีเหลือง และสายสีชมพู หนุนรายได้ของบริษัทฯ ให้มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องได้ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า
"สำหรับการกำหนดราคาไอพีโอที่ระดับ 5.50 บาทต่อหุ้น เป็นระดับราคาที่เหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และมีความน่าสนใจเป็นอย่างมาก เพราะอุตสาหกรรมระบบไฟฟ้า และระบบสื่อสาร มีโอกาสการเติบโตต่อเนื่อง เพราะภาครัฐและเอกชนมีความจำเป็นต้องเร่งลงทุน เพื่อรองรับเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งหลังจากระดมทุนในครั้งนี้ จะทำให้บริษัทฯ มีโอกาสประมูลโครงการเพิ่มเติมในอุตสาหกรรมอื่นๆ เพื่อกระจายแหล่งที่มาของรายได้และกำไรให้เพิ่มขึ้น สนับสนุนให้เติบโตอย่างก้าวกระโดด"นายสมภพกล่าว
นายจรัญ วิวัฒน์เจษฎาวุฒิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ.อาร์.ดับเบิ้ลยู. ยูทิลิตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ JR กล่าวว่าเมื่อหุ้นเข้าซื้อขายใน SET น่าจะสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุนที่จองซื้อหุ้น เนื่องจากที่ผ่านมากระแสตอบรับจากการโรดโชว์ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก ขณะเดียวกันเมื่อเปิดให้จองซื้อหุ้นก็พบว่า มีความต้องการเกินกว่าจำนวนหุ้นที่จัดสรร ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อมั่นที่นักลงทุนมีต่ออนาคตของบริษัทฯ และเชื่อว่าจะมีโอกาสเติบโตในระยะยาว สอดคล้องกับแนวโน้มของอุตสาหกรรมของงานวิศวกรรมระบบไฟฟ้าและระบบสื่อสาร โดยเฉพาะงานโครงการเกี่ยวกับภาครัฐ ที่คาดว่าจะมีการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่อย่างต่อเนื่อง
"JR เป็นบริษัทฯ เอ็นจิเนียริ่งไฮสเกล มีศักยภาพการเติบโตโดดเด่น เพราะมีความเชี่ยวชาญด้านงานโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มการขยายตัวได้อีกมาก รวมถึงการมีพันธมิตรรายใหญ่ที่เป็นคู่ค้ามายาวนาน ขณะที่มีโอกาสการเติบโตมากขึ้น มีฐานทุนที่แข็งแกร่ง กระแสเงินสดที่ดี โดยเฉพาะเมื่อเข้าใน SET จะทำให้ต้นทุนในการดำเนินธุรกิจลดลงอย่างมีนัยสำคัญ และช่วยผลักดันการเติบโตให้ก้าวกระโดด" นายจรัญกล่าว
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวอีกว่า ภาพรวมการดำเนินธุรกิจในปีนี้ บริษัทฯ คาดว่าจะสามารถเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ ปัจจุบัน JR มีการรุกขยายงานไปยังงานวิศวกรรมในอุตสาหกรรมอื่น ๆ เพิ่มเติม เช่น ลูกค้าในอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซ โดยหลังสิ้นงวดไตรมาส 2 บริษัทฯ ได้งานเพิ่มเติมกว่า 420 ล้านบาท โดยเป็นงานก่อสร้างสถานีไฟฟ้าย่อยให้กับโครงการของไทยออยล์ ซึ่ง JR รับงานจากกิจการร่วมค้า Petrofac South East Asia, Saipem Singapore และ Samsung Engineering รวมทั้งงานการก่อสร้างสถานีไฟฟ้าย่อยที่อาคารหมอชิต คอมเพล็กซ์ นอกจากนี้ ยังมีการจำหน่ายอุปกรณ์และซอฟต์แวร์ให้กับลูกค้าภาครัฐและเอกชนเพิ่มเติม