ดร.ทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.3) เปิดเผยว่า ตามประกาศของกรมอุตุนิยมวิทยาจากผลของมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังแรง ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณภาคใต้ตอนล่าง ทำให้ 11 จังหวัดภาคใต้ ได้แก่ ชุมพร สุราษฎร์ธานี พัทลุง สงขลา นครศรีธรรมราช ปัตตานี ยะลา นราธิวาส กระบี่ ตรัง และสตูล ได้รับผลกระทบ มีตกหนักและคลื่นลมแรง ส่งผลเกิดสถานการณ์น้ำท่วมสูงในหลายพื้นที่ จึงได้กำชับให้ กปภ. หน่วยงานที่ให้บริการน้ำประปาซึ่งเป็นสาธารณูปโภคสำคัญของประชาชน เตรียมความพร้อมรับมือและเฝ้าระวังระบบผลิตและส่งจ่ายน้ำเพื่อให้สามารถให้บริการแก่ประชาชนได้เป็นปกติและต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้ง การให้ความช่วยเหลือประชาชนในด้านอื่นๆ เพิ่มเติมเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน
นายกฤษฎา ศังขมณี รองผู้ว่าการ (วิชาการ) รักษาการแทนผู้ว่าการ กปภ. กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้กปภ. สาขาในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบดังกล่าวสามารถผลิตและจ่ายน้ำได้ตามปกติ อย่างไรก็ตาม กปภ. สาขา ไม่ได้นิ่งนอนใจ จะเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด รวมทั้งปฏิบัติตามมาตรการแก้ไขปัญหาอุทกภัยอย่างเคร่งครัด ได้แก่ 1.มาตรการเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ เช่น การเฝ้าระวังแหล่งน้ำทั้งด้านปริมาณและคุณภาพ จัดทำแผนและซักซ้อมวิธีป้องกันภายในระบบผลิตน้ำประปา 2.มาตรการเผชิญเหตุ เช่น การเฝ้าระวังเครื่องสูบน้ำมิให้ถูกน้ำท่วมและย้ายเครื่องสูบน้ำไปยังจุดที่พ้นน้ำจากระดับน้ำท่วมถึง ควบคุมการผลิตน้ำประปาให้สะอาดได้มาตรฐาน การรับน้ำประปาจากหน่วยบริการหรือสาขาใกล้เคียงที่ไม่ได้รับผลกระทบมาแจกจ่ายเพื่อให้ประชาชนได้มีน้ำประปาใช้อย่างทั่วถึงและเพียงพอ 3.มาตรการฟื้นฟู เช่น ตรวจสอบท่อจ่ายน้ำ มาตรวัดน้ำของผู้ใช้น้ำ หากชำรุดต้องเร่งซ่อมแซมทันที และ 4.มาตรการป้องกัน เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมรองรับอุทกภัยครั้งต่อไป เช่น ออกแบบระบบอาคารผลิตน้ำ ถังเก็บน้ำ และสถานีสูบจ่ายน้ำที่สามารถป้องกันน้ำท่วมได้ เป็นต้น ทั้งนี้ หากประสบปัญหาขาดแคลนน้ำสะอาดเพื่อใช้ในการอุปโภคบริโภค หรือพบเห็นท่อประปาแตกรั่ว น้ำประปาไม่ไหลหรือไหลอ่อน สามารถแจ้ง กปภ.สาขาในพื้นที่ หรือ PWA Contact Center โทร. 1662