นายอนุวัฒน์ จารุกรสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ เรียล เอสเตท แมเนจเม้นท์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์ WHART เปิดเผยว่า ภายหลังที่กองทรัสต์ WHART ได้มีการเพิ่มทุนครั้งที่ 5 เพื่อลงทุนในทรัพย์สินเพิ่มเติมครั้งที่ 6 ของกองทรัสต์ WHART เป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้นไม่เกิน 3,233.96 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการศูนย์กระจายสินค้าและคลังสินค้า ประเภท Built-to-Suit จำนวน 3 โครงการ แบ่งเป็นพื้นที่เช่าอาคารประมาณ 128,789.00 ตารางเมตร และพื้นที่เช่าลานจอดรถประมาณ 3,055.00 ตารางเมตร บนที่ดินรวมประมาณ 120 ไร่ 1 งาน 58.10 ตารางวา ได้ดำเนินการโอนทรัพย์สิน เป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2563 ที่ผ่านมา
สำหรับทรัพย์สิน 3 โครงการที่กองทรัสต์ WHART เข้าลงทุนในครั้งนี้ ประกอบด้วย
- โครงการ WHA Mega Logistics Center (แหลมฉบัง 1) โดยลงทุนในกรรมสิทธิ์ที่ดิน อาคารคลังสินค้า โรงงาน และสำนักงาน รวมถึงสิ่งปลูกสร้างและทรัพย์สินอื่นๆ ตั้งอยู่ที่อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี
- โครงการ WHA Mega Logistics Center (แหลมฉบัง 2) โดยลงทุนในสิทธิการแบ่งเช่าในที่ดิน และกรรมสิทธิ์ในอาคารคลังสินค้าและสำนักงาน รวมถึงสิ่งปลูกสร้างและทรัพย์สินอื่นๆ ในโครงการ WHA Mega Logistics Center (แหลมฉบัง 2) ตั้งอยู่ที่ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี และ
- โครงการ WHA KPN Mega Logistics Center (ถนนบางนา-ตราด กม.23 เฟส 3) โดยลงทุนในสิทธิการแบ่งเช่าช่วงในที่ดิน และสิทธิการเช่าในอาคารคลังสินค้า และสำนักงาน ตั้งอยู่ที่อำเภอบางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ
โดยทั้ง 3 โครงการ ปัจจุบันมีผู้เช่าระดับชั้นนำที่เข้าทำสัญญาแล้ว เช่น บริษัท ฮอนด้า โลจิสติกส์, ซัมซุง, Shopee, DKSH และวอลโว่คาร์ เป็นต้น
ภายหลังการลงทุนของกองทรัสต์ WHART ในทรัพย์สินเพิ่มเติมครั้งที่ 6 จะส่งผลให้มูลค่าทรัพย์สินรวมของกองทรัสต์ WHART เพิ่มขึ้นเป็น 42,340.24 ล้านบาท จากเดิมที่มีมูลค่าทรัพย์สินรวม 39,106.28 ล้านบาท ส่งผลให้กองทรัสต์ WHART รักษาความเป็นผู้นำของกองทรัสต์ประเภทศูนย์กระจายสินค้า คลังสินค้า และโรงงานตามขนาดของมูลค่าทรัพย์สินที่ลงทุนเพิ่มเติม อีกทั้งการลงทุนดังกล่าวยังช่วยสร้างผลตอบแทน (Distribution) ที่มั่นคงและต่อเนื่องในระยะยาวให้แก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์ตามนโยบายการลงทุนของกองทรัสต์อีกด้วย โดยประโยชน์ตอบแทนที่คาดว่าผู้ถือหน่วยทรัสต์จะได้รับตามประมาณการประโยชน์ตอบแทนและเงินลดทุนต่อหน่วยตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2564 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2564 จากงบกำไรขาดทุนและการจ่ายประโยชน์ตอบแทนตามสถานการณ์สมมติ สอบทานโดยผู้สอบบัญชีอยู่ที่ 0.79 บาทต่อหน่วย