เอ็นทีที และ เอสเอพี ได้สร้างความสัมพันธ์ทางธุรกิจและทำงานร่วมกันอย่างต่อเนื่องเป็นเวลามากกว่า 30 ปี เพื่อรองรับความต้องการของกลุ่มองค์กรธุรกิจ ซึ่งทั้งสองบริษัทมีส่วนร่วมในการผลักดันความสำเร็จของลูกค้า ช่วยให้องค์กรต่างๆ นำโซลูชั่นแบบครบวงจร (Integrated solutions) มาปรับใช้กับโครงสร้างพื้นฐานไอทีแบบไฮบริด, การดูแลความปลอดภัยของระบบไอที, การใช้งานแอปพลิเคชั่น, แพลตฟอร์มเทคโนโลยีธุรกิจ ตลอดจนการให้บริการส่งมอบและจัดการโซลูชั่น สำหรับการผนึกกำลังความร่วมมือเสริมความแข็งแกร่งด้านไอทีในครั้งนี้จะทำให้ เอสเอพี และ เอ็นทีที สามารถใช้ประโยชน์จากความสามารถและนำเอาความเชี่ยวชาญที่มีอยู่มายกระดับโซลูชั่น พร้อมสนับสนุนให้บริษัทต่างๆ เปลี่ยนแปลงองค์กรและหันมาใช้เทคโนโลยีที่มีความชาญฉลาด ปรับตัวสู่การเป็น อินเทลลิเจนท์ เอ็นเตอร์ไพรซ์
การลงนามความร่วมมือเชิงกลยุทธ์นี้ จะสร้างมิติใหม่ของห่วงโซ่มูลค่าโลก (Global Value Chain) ให้สามารถทำงานประสานกันผ่านระบบดิจิทัลและตอกย้ำความมุ่งมั่นด้านการส่งมอบโซลูชั่นที่สามารถทำให้ผู้ใช้งานเชื่อมต่อเข้าสู่ระบบได้อย่างอิสระโดยที่ระยะทางไม่เป็นอุปสรรค โซลูชั่นเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ของ เอสเอพี ในการเป็น อินเทลลิเจนท์ เอ็นเตอร์ไพรซ์ ที่ผสานการใช้งานเทคโนโลยีอันชาญฉลาด ได้แก่ IoT (Internet of Things), เทคโนโลยี Edge Computing และ แมชชีน เลิร์นนิ่ง เข้ากับของชุดโซลูชั่นของ เอ็นทีที อาทิ ชุดเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) ชั้นนำในกลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรม และ ระบบคลาวด์แบบไฮบริด ซึ่งเชื่อมโยงการใช้งานทั่วโลก ในส่วนของโซลูชั่นสำหรับห่วงโซ่คุณค่าที่ เอ็นทีที และ เอสเอพี ได้ร่วมกันพัฒนาและทำการตลาดแบบ go-to market จะส่งผลให้เกิดการทำงานที่เป็นหนึ่งเดียวกันและเป็นอัตโนมัติมากขึ้นระหว่างลูกค้า ซัพพลายเออร์ ผู้ค้าปลีก ผู้ผลิตและผู้ให้บริการโลจิสติกส์ ขณะเดียวกัน ห่วงโซ่มูลค่าที่เชื่อมต่อการทำงานแบบดิจิทัลจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้าและสอดรับกับการเปลี่ยนแปลงโมเดลธุรกิจรูปแบบใหม่
ทั้งนี้ การเข้าถึงและวิเคราะห์ข้อมูลแบบเรียลไทม์จะทำให้การจัดการด้านห่วงโซ่มูลค่าขององค์กรมีความคล่องตัว (agile) และ ยืดหยุ่น (resilient) มากขึ้นในหลายภาคส่วน อาทิ
- แอปพลิเคชันซึ่งเป็นตัวกลางประสานการติดต่อกับพนักงานที่อยู่ประจำไซต์งาน สามารถช่วยติดตามความเคลื่อนไหวในการทำงาน รวมถึงบันทึกสถานะของอุปกรณ์เครื่องมือต่างๆ เพื่อดูแลความปลอดภัยของพนักงานและเตรียมอุปกรณ์เครื่องมือให้พร้อมใช้งาน ทำให้การดำเนินธุรกิจมีความคล่องตัวยิ่งขึ้น
- การขนส่งที่มีการเชื่อมโยงข้อมูลในระบบ ทำให้ผู้ใช้งานสามารถติดตามสถานะการเคลื่อนย้ายของระหว่างขนส่งได้ นำมาซึ่งการจัดการด้านโลจิสติกส์ที่ดีและมีประสิทธิภาพ
- ความสามารถในการตรวจสอบและติดตาม แหล่งที่มาของวัตถุดิบ บรรจุภัณฑ์ หรือส่วนที่เกี่ยวข้อง (Traceability) โดยใช้งานผ่านดิจิทัลโซลูชั่น จะช่วยทำให้มองเห็นภาพรวมของงานด้านห่วงโซ่คุณค่าแบบ end-to-end ตั้งแต่ขั้นตอนแรกของการขนถ่ายคอนเทนเนอร์ไปจนถึงขั้นตอนการตรวจสอบสินค้าแต่ละรายการ
จุน ซาวาดะ ประธาน และ ซีอีโอของ เอ็นทีที คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า "การผนึกความร่วมมือระดับโลกกับ เอสเอพี นับเป็นก้าวสำคัญของบริษัทในการนำพาภาคธุรกิจและสังคมเปลี่ยนผ่านสู่วิถีดิจิทัลอย่างแท้จริง และเราจะยังคงร่วมกันทำงานเพื่อสร้างความยั่งยืนในอนาคต การมี เอสเอพี เป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ช่วยให้เราเพิ่มขีดความสามารถทางนวัตกรรมได้มากขึ้น ด้วยการผสานโซลูชั่นสำหรับกลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมระดับโลกของ เอ็นทีที, การรวมระบบ (system integration), โครงสร้างพื้นฐานด้าน ICT, การวางระบบไฮบริดมัลติคลาวด์, การดูแลความปลอดภัยของระบบไอทีและบริการที่มีการจัดการด้วยแอปพลิเคชันและเทคโนโลยีอันทรงประสิทธิภาพของ เอสเอพี พร้อมกันนี้ การร่วมกันทำการตลาดแบบ go-to-market จะเสริมศักยภาพของทั้งสองบริษัท เพื่อส่งมอบบริการที่ดีที่สุด"
ในฐานะผู้นำด้านนวัตกรรมระดับสากล ซึ่งให้บริการใน 190 ประเทศทั่วโลก เอ็นทีที ได้สานต่อวิสัยทัศน์ในการดำเนินงานเพื่อสร้างสังคมดิจิทัลที่เชื่อมโยงผู้คน ชุมชนและองค์กรต่างๆ ขับเคลื่อนโลกด้วยเทคโนโลยีไปสู่อนาคตที่ดีสำหรับทุกคน นอกจากนี้เอ็นทีที ยังพร้อมต่อยอดความเชี่ยวชาญเพื่อเพิ่มคุณค่าให้แก่ลูกค้า ส่งมอบบริการที่ผนวกซอฟต์แวร์ของพันธมิตรทางธุรกิจระดับโลกอย่าง เอสเอพี
คริสเตียน ไคลน์ ซีอีโอของ เอสเอพี กล่าวเพิ่มเติมว่า "เราได้ยกระดับความร่วมมือกับ เอ็นทีที ไปอีกขั้น เนื่องจากบริษัทต่างๆ ล้วนตระหนักถึงความจำเป็นในการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการดำเนินธุรกิจ ทั้งระบบการจัดการภายในบริษัท รวมถึงการประสานงานกับเครือข่ายทางธุรกิจ ด้วยโซลูชั่น บริการและจุดมุ่งหมายร่วมกันในการสร้างความสำเร็จให้แก่ลูกค้า เอ็นทีที และ เอสเอพี จะเดินหน้าสนับสนุนให้บริษัททั่วโลกปรับตัวได้อย่างรวดเร็วและเพิ่มความหยืดยุ่นในการทำงานมากยิ่งขึ้น"
เอ็นทีที ตัดสินใจจับมือกับ เอสเอพี เพื่อร่วมเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ด้านการปฏิรูปดิจิทัล (digital transformation) สำหรับกลุ่มบริษัททั่วโลก โดยวางแผนที่จะพัฒนาชุดโซลูชั่นสำหรับส่วนปฏิบัติการให้ทำงานแบบอัตโนมัติ ตลอดจนการเพิ่มความสามารถในการบริหารงานผ่านกระบวนการทางธุรกิจที่มีมาตรฐานและดำเนินธุรกิจที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล โดยการใช้งานโซลูชั่น SAP S/4HANA(R) และโซลูชั่น SAP(R) Ariba(R) ซึ่ง เอสเอพี ได้เลือก เอ็นทีที เป็นหนึ่งในคู่ค้าเชิงกลยุทธ์ระดับโลก เพื่อขยายการบริการให้หลากหลาย เช่น บริการจัดการโครงสร้างพื้นฐาน การพัฒนาแอปพลิเคชันและการให้คำปรึกษาทางด้านไอที เป็นต้น อีกทั้งช่วยสนับสนุน เอสเอพี ในการนำเสนอโซลูชั่นคลาวด์ให้แก่ลูกค้า นอกจากนี้ การทำงานร่วมกับ เอ็นทีที คาดว่าจะทำให้เอสเอพีมีต้นทุนการดำเนินงานที่ลดลง สามารถลดความซับซ้อนและเพิ่มประสิทธิภาพของหลากหลายเครือข่ายในกลุ่มบริษัทที่ เอสเอพี ได้เข้าซื้อกิจการให้สามารถเชื่อมโยงประสานงานกันได้อย่างไร้รอยต่อ