นายเสนธิป ศรีไพพรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารลูกค้าธุรกิจ ทีเอ็มบี หรือ ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การแพร่ระบาดของโควิด-19 เป็นตัวเร่งให้ดิจิทัลเข้ามามีบทบาทสำคัญมากขึ้น ส่งผลให้อัตราการเติบโตของธุรกรรมออนไลน์ในประเทศไทยเติบโตสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด คนไทยซื้อสินค้าออนไลน์เพิ่มขึ้น 21% และทำธุรกรรมการเงินออนไลน์สูงขึ้นถึง 93% ลูกค้าธุรกิจก็เช่นเดียวกัน โดยลูกค้าธุรกิจของธนาคารเอง ทำธุรกรรมผ่านช่องทางออนไลน์ของทีเอ็มบีเพิ่มขึ้น 50% และลูกค้าเอสเอ็มอีของธนาคารทำธุรกรรมผ่านช่องทางออนไลน์ เพิ่มขึ้นถึง 100% ในปีที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ลูกค้าจะมีการปรับตัวมาทำธุรกรรมการเงินผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น แต่อินเทอร์เน็ตแบงก์กิ้งสำหรับลูกค้าธุรกิจของธนาคารส่วนใหญ่ยังมีปัญหา ไม่ว่าจะเป็นการเข้าหลายระบบเมื่อต้องการทำธุรกรรมหลายประเภท ได้แก่การจ่ายเงินหรือโอนเงินทั้งในประเทศและต่างประเทศ การเบิกวงเงินสินเชื่อ ล้วนต้องเข้าระบบที่แตกต่างกัน การเข้าใช้งานแต่ละบริการมีหลายขั้นตอน แบบฟอร์มในระบบดิจิทัลใช้ยาก ใช้เวลานานในการอัปโหลดไฟล์ หรือแม้ว่าจะทำธุรกรรมบนดิจิทัลแล้ว แต่ยังต้องรับ-ส่งเอกสารที่ยังเป็นกระดาษกับคู่ค้าและหน่วยงานภาครัฐ ทีเอ็มบีจึงอยากแก้ปัญหาเหล่านี้
"Business ONE" ธนาคารดิจิทัลเพื่อโลกธุรกิจ พร้อมเป็นผู้ช่วยทางการเงินและการบริหารธุรกิจ เสริมความแข็งแกร่งให้ธุรกิจไม่ว่าจะเป็นธุรกิจขนาดใหญ่หรือเอสเอ็มอี โดย "Business ONE" ไม่ได้เป็นเพียงอินเทอร์เน็ตแบงก์กิ้งที่เป็นเครื่องมือทำธุรกรรมการเงินเท่านั้น แต่เป็น "Digital Business Management Platform" ที่เชื่อมโยงส่วนของ financial และ non-financial เข้าด้วยกันเพื่อให้ลูกค้าสามารถบริหารธุรกิจได้จากที่เดียว ใช้งานง่าย และช่วยธุรกิจขนาดใหญ่และเอสเอ็มอีลดต้นทุนในการทำธุรกรรมผ่านช่องทางออนไลน์ นายเสนธิป กล่าว
นายรัชกร ชยาภิรัต หัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหาร นวัตกรรมทางดิจิทัล (ลูกค้าธุรกิจ) ทีเอ็มบี กล่าวเสริมว่า "Business ONE" ถือเป็นนวัตกรรมดิจิทัลที่แตกต่างจากอินเทอร์เน็ตแบงก์กิ้งอื่น ๆ เพราะ
- ONE Platform - "Business ONE" ให้ลูกค้าธุรกิจทำทุกธุรกรรมได้ครบจบในระบบเดียว ไม่ว่าจะเป็นการจ่ายเงินหรือโอนเงินให้คู่ค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ การเบิกวงเงินสินเชื่อเพื่อธุรกิจ ลดปัญหาไม่ต้องจำรหัสเข้าใช้งานหลายระบบ และยังสามารถใช้งานได้จากทุกอุปกรณ์ ไม่ว่าจะเข้าผ่านคอมพิวเตอร์
แท็บเล็ต และสมาร์ทโฟน โดยได้รับประสบการณ์การใช้งานแบบเดียวกัน - ONE to Control - "Business ONE" ให้ลูกค้าธุรกิจควบคุมธุรกิจได้ในระบบเดียว ใช้งานง่าย สามารถเลือกออกแบบหน้าจอการใช้งานได้ตามกลุ่มผู้ใช้งาน ทำรายการพร้อมกันได้หลายรายการในครั้งเดียว มีระบบช่วยแนะนำวิธีการโอนหรือจ่ายเงินที่สะดวก รวมถึงการหาข้อมูลทางบัญชีที่รวดเร็ว และหากมีการใช้งานอย่างต่อเนื่อง ระบบจะสามารถประมวลข้อมูลได้เอง และแสดงข้อมูลในเชิงวิเคราะห์ เป็นการช่วยวางแผนการเงินในอนาคตได้
- ONE to Command - "Business ONE" เป็นระบบเดียวที่สามารถเชื่อมต่อได้ทั้ง financial solution ของธนาคาร และ non-financial solutions อื่น ๆ ยกตัวอย่างเช่น การเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชัน HR Management ที่ช่วยให้ลูกค้าบริหารทรัพยากรบุคคลได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะเชื่อมต่อเรื่องการบริหารพนักงานและการจ่ายเงินเดือนเข้าด้วยกัน
ธนาคารต้องการพัฒนาโซลูชันที่ตอบโจทย์ตามความต้องการของผู้ใช้งานจริง โดยใช้ลูกค้าเป็นจุดศูนย์กลาง นำปัญหาที่ลูกค้าประสบจากการใช้งานอินเทอร์เน็ตแบงก์กิ้งของเราเองหรือจากที่อื่นมาแก้หรือปรับปรุง เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานใหม่ที่ดีกว่าเดิม โดยเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า "Business ONE" จะเป็นผู้ช่วยหลักในการบริหารงานของผู้บริหารธุรกิจขนาดใหญ่และผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยทั่วประเทศอย่างแท้จริง แก้ปัญหาการใช้งานแบบเดิมๆ ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านดิจิทัล โซลูชันเพื่อลูกค้าธุรกิจ โดยธนาคารจะทยอยโอนย้ายลูกค้าปัจจุบันขึ้นระบบใหม่นี้ ตั้งแต่เดือนมกราคมเป็นต้นไป และคาดว่าภายในสิ้นปี 2564 จะมีลูกค้าธุรกิจที่เป็นนิติบุคคลของทั้งทีเอ็มบีและธนชาต มาใช้งานกว่า 100,000 บริษัท นายรัชกร กล่าวสรุป
ลูกค้าธุรกิจปัจจุบันของธนาคารสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ผู้จัดการดูแลความสัมพันธ์ของบริษัทท่าน หรือศูนย์บริการลูกค้าธุรกิจ โทร. 02-643-7000 แต่หากบริษัทยังไม่เคยมีบัญชีธุรกิจของธนาคาร สามารถติดต่อศูนย์บริการลูกค้าธุรกิจ โทร. 02-643-7000 เพื่อแนะนำการสมัครใช้ได้เช่นกัน