ผถห. STARK ไฟเขียวรวมพาร์เป็นหุ้นละ 1 บ. แจกวอแรนต์ฟรีสัดส่วน 3:1 ราคาใช้สิทธิ 5 บ. รองรับแผนระดมเงิน 20,000 ลบ. ลุยขยายธุรกิจ

ศุกร์ ๑๘ ธันวาคม ๒๐๒๐ ๑๔:๓๑

ผู้ถือหุ้น STARK อนุมัติรวมพาร์เป็นหุ้นละ 1 บาท พร้อมแจกวอแรนต์ฟรี ในอัตราส่วน 3 หุ้นสามัญเดิม ต่อใบสำคัญแสดงสิทธิ STARK-W1 จำนวน 1 หน่วย ราคาใช้สิทธิ 5 บาท/หุ้น รองรับแผนระดมเงิน 20,000 ล้านบาทในอนาคต มีเป้าหมายลุยขยายธุรกิจเพิ่มศักยภาพในการเติบโต

นายชนินทร์ เย็นสุดใจ ประธานกรรมการ บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (STARK) เปิดเผยว่า ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 2/2563 เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2563 ที่ผ่านมา มีมติอนุมัติการเปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้นที่ตราไว้ (การรวมพาร์) จากเดิมหุ้นละ 0.50 บาท เป็นหุ้นละ 1 บาท และออกใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุน (วอแรนต์) ของบริษัทรุ่นที่ 1 (STARK-W1) ภายหลังการรวมพาร์ ไม่เกิน 3.97 พันล้านหน่วย จัดสรรให้ฟรีกับผู้ถือหุ้นเดิมในอัตราส่วน 3 หุ้นเดิมต่อ 1 หน่วย มีอายุ 4 ปี อัตราการใช้สิทธิ 1 หน่วยต่อ 1 หุ้นสามัญใหม่ ที่ราคาใช้สิทธิหุ้นละ 5 บาท กำหนดระยะเวลาใช้สิทธิเมื่อครบ 2 ปีนับจากวันที่ออกวอแรนต์

นอกจากนี้ ยังอนุมัติการลดทุนจดทะเบียนโดยตัดหุ้นที่ยังไม่ได้นำออกจำหน่าย หลังจากนั้นให้เพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 1.59 หมื่นล้านบาท จากเดิม 1.19 หมื่นล้านบาท โดยออกหุ้นใหม่ 7.94 พันล้านหุ้น พาร์หุ้นละ 0.50 บาท (ก่อนการเปลี่ยนแปลงพาร์) ซึ่งเทียบเท่ากับการออกหุ้นเพิ่มทุน 3.97 พันล้านหุ้น ที่ราคาพาร์หุ้นละ 1 บาท เพื่อรองรับการใช้สิทธิวอแรนต์ STARK-W1

"เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อม และสร้างความยืดหยุ่นทางการเงินในการขยายธุรกิจในอนาคต และสำรองเป็นเงินทุนหมุนเวียนภายในกิจการ ซึ่งหากมีการใช้สิทธิทั้งหมดจะทำให้ STARK ได้รับเงินราว 20,000 ล้านบาท เพื่อนำไปใช้ตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ ซึ่งท้ายที่สุดจะส่งผลดีต่อการเติบโตของบริษัทฯ ในระยะยาว" นายชนินทร์ กล่าวในที่สุด

สำหรับผลการดำเนินงานล่าสุดของ STARK ณ ไตรมาส 3/63 มีกำไรสุทธิ 462.46 ล้านบาท พลิกจากที่เคยขาดทุนสุทธิ 81.08 ล้านบาท และในงวด 9 เดือน มีกำไรสุทธิ 1,163.88 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันในปีก่อนที่ทำได้ 51.58 ล้านบาท เนื่องจาก รายได้หลักมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากการรับรู้ผลการดำเนินงานของเวียดนาม และโครงการภาครัฐและเอกชนในประเทศไทยและเวียดนามที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง เช่น โครงการนำสายไฟฟ้าลงใต้ดิน การอัพเกรดขนาดสายไฟเพื่อรองรับการเติบโตของชุมชน และพัฒนาระบบสายส่งไฟฟ้า เป็นต้น นอกจากนี้ Core EBITDA margin ที่เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 17.3% ในไตรมาสที่ 3/63 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 10.6% ในไตรมาสที่ 3/62 เนื่องมาจากการมุ่งเน้นกลุ่มสินค้า High Margin ตลอดจนการมีนโยบายในการควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ และการบริหารจัดการร่วมกันของกลุ่มบริษัทอย่างมีระบบ (Integrated Supply Chain Management) ที่สำคัญบริษัทฯ มีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง โดยมี Net Debt / Equity (ปรับปรุง) เท่ากับ 0.9 เท่า

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๒๑ 60 ปีแห่งความมุ่งมั่น! คาโอ คว้ารางวัลอุตสาหกรรมดีเด่น 2 ประเภทในปี 2567 ชูความสำเร็จด้านสิ่งแวดล้อมและความรับผิดชอบต่อสังคม
๑๗:๒๓ AVATR ก้าวสู่ความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่! ระดมทุนในรอบ Series C ได้มากกว่า 11,000 ล้านหยวน พร้อมก้าวสู่ความเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าหรูหราแห่งอนาคต
๑๗:๐๖ Zoom เปิด 10 เทรนด์ ใช้ AI ในการทำงานปี 2568
๑๗:๑๐ เปิดมุมมองอาชีพที่หลากหลายในอุตสาหกรรมกาแฟไทย เจาะลึกบทบาทและแนวทางยกระดับสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
๑๗:๑๔ อนาคตแห่งการเดินทาง: 5 คนขับ AI จากแอปเรียกรถ Maxim
๑๗:๕๕ Well-Being House บ้านชั้นเดียวเอาใจคนวัยเกษียณ
๑๗:๑๖ กทม. แจงเปิดกว้างการแข่งขันโครงการเช่าคอมพิวเตอร์พกพาสำหรับนักเรียน
๑๖:๓๗ รายงาน Ericsson Mobility Report ฉบับล่าสุด เผยผู้เริ่มให้บริการ 5G กลุ่มแรกกำลังมุ่งสู่โมเดลธุรกิจที่เน้นประสิทธิภาพ
๑๗:๒๕ เมดีซ กรุ๊ป ร่วมสมทบทุนสนับสนุนมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช ช่วยผู้ป่วยในชนบท ถิ่นทุรกันดารที่ห่างไกล
๑๖:๔๔ CNN จับตา นวัตกรรมล่าสุดจากนักวิจัยไทย พลิกโฉมการตรวจคัดกรองความเครียดด้วย เหงื่อ