บริษัทเอสเอสไอ เชฟเฟอร์ (SSI Schaefer) ผู้นำระดับโลกในด้านโซลูชันคลังสินค้าและโลจิสติกส์ และ ORCA Cold Chain Solutions (ORCA) ได้พลิกโฉมการเตรียมพร้อมรับภัยพิบัติในฟิลิปปินส์ ด้วยโซลูชันคลังสินค้าห่วงโซ่ความเย็นที่ยืดหยุ่นและประหยัดทรัพยากร
ข้อมูลจากธนาคารโลกระบุว่า ฟิลิปปินส์เป็นประเทศที่เสี่ยงต่อภัยพิบัติจากธรรมชาติมากเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก โดยเผชิญพายุไต้ฝุ่นเฉลี่ยถึงปีละ 20 ลูก ยิ่งไปกว่านั้น รายงานจาก BSR เปิดเผยว่า มูลค่าค้าปลีกอาหารกว่า 1 ใน 3 ส่วนเสียหายทุกปีเนื่องจากการบรรจุ ระบบเก็บสินค้า และการจัดการที่ย่ำแย่ ยิ่งทำให้การเตรียมพร้อมรับเหตุไม่คาดฝันแย่ลงไปอีก
ภัยธรรมชาติ เช่น พายไต้ฝุ่นหว่ามก๋อลูกล่าสุด สามารถนำไปสู่ความท้าทายอย่างไม่เคยมีมาก่อน เช่น หมอกจัดและฝนตกซึมเข้าในจุดรองรับการขนถ่ายสินค้า ซึ่งอาจทำให้เซ็นเซอร์ผิดพลาด และส่งผลกระทบต่อความต่อเนื่องของห่วงโซ่อุปทาน การลดผลกระทบของเหตุการณ์เหล่านี้เป็นเรื่องสำคัญต่อความยั่งยืน รวมถึงความปลอดภัย การเข้าถึงได้ และความพร้อมด้านอาหารในฟิลิปปินส์
"ด้วยเกาะกว่า 7,600 เกาะและภัยธรรมชาติมากมาย ทำให้ระบบโลจิสติกส์อาหารของฟิลิปปินส์เผชิญความท้าทายที่มากกว่าประเทศเพื่อนบ้าน การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้การจัดการห่วงโซ่อุปทานอาหารของฟิลิปปินส์ย่ำแย่ลงไปอีก
เมื่อเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเพิ่มขึ้นในช่วงเวลาที่เมืองขยายตัวอย่างรวดเร็วประกอบกับปัญหาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ผู้นำในวงการอาหารและเครื่องดื่มไปจนถึงห่วงโซ่อุปทาน จะต้องพัฒนาเครือข่ายที่แข็งแกร่งเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับเหตุไม่คาดคิด" Xavier Perello Pairada, รองประธานอาวุโสและหัวหน้าประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ตะวันออกกลางและแอฟริกา ของเอสเอสไอ เชฟเฟอร์ กล่าว
ORCA Taguig เปิดตัวในเดือนกุมภาพันธ์ 2563 โดยเป็นอาคารคลังสินค้าซัพพลายเชนห้องเย็นอัตโนมัติเต็มรูปแบบแห่งแรกของฟิลิปปินส์ อาคารนี้มีชั้นเก็บอาหารแช่แข็ง 20,000 พาเลทในพื้นที่ประมาณ 6.25 ไร่ ซึ่งเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ด้วยเทคโนโลยี rack-clad ของเอสเอสไอ เชฟเฟอร์ คลังสินค้าอัตโนมัติสูงพิเศษที่ใช้ rack-clad นั้นทนทานต่อภัยพิบัติได้มากกว่า ซึ่งทำให้มั่นใจได้ในความมั่นคงทางอาหารและขีดความสามารถของอุตสาหกรรมอาหารฟิลิปปินส์
"ฟิลิปปินส์เป็นประเทศที่เผชิญกับพายุไต้ฝุ่นและแผ่นดินไหวบ่อยมาก ORCA จึงได้เตรียมพร้อมรับสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดในทุกขั้นของการดำเนินธุรกิจเสมอ เริ่มต้นจากขั้นตอนการออกแบบ โดยตั้งแต่แรกนั้น วิสัยทัศน์ของ ORCA คือการเป็นผู้พลิกโฉมวงการระดับโลก และนั่นรวมถึงการเตรียมพร้อมรับภัยพิบัติด้วย ซึ่งก็คือเหตุผลที่เราเลือกทำงานร่วมกับเอสเอสไอ เชฟเฟอร์ เพื่อนำนวัตกรรมประเภทนี้และระบบอัตโนมัติของอุตสาหกรรมมาสู่ฟิลิปปินส์ สิ่งที่เราสร้างร่วมกับเอสเอสไอ เชฟเฟอร์นั้นเป็นครั้งแรกในฟิลิปปินส์ นั่นคือระบบแร็คคลังเก็บสินค้าที่ยืดหยุ่นและมีประสิทธิภาพ ที่ทำให้มั่นใจว่าจะสามารถเข้าถึงอาหารได้แม้เผชิญความไม่แน่นอน" Yerik Cosiquien ประธานและซีอีโอของ ORCA Cold Chain Solutions กล่าว
ระบบสายพานลำเลียงพาเลทของ ORCA Taguig ใช้เทคโนโลยีอัตโนมัติ Automated Storage Retrieval System (ASRS) ของเอสเอสไอ เชฟเฟอร์ เพื่อเคลื่อนย้ายพาเลทของอาหารโดยใช้เครน ลดการคิดตัดสินใจให้เหลือน้อยที่สุด ระบบคลังสินค้าอัตโนมัติจะช่วยยกระดับความปลอดภัยด้านอาหาร จัดการการสูญเสียรายได้จากอาหารเน่าเสีย สร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ปลอดภัยกว่า และทำให้มั่นใจถึงความต่อเนื่องเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด
นอกจากนี้ อาคารยังใช้ซอฟต์แวร์ระบบการจัดการคลังสินค้า WAMAS(R) ที่เป็นผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์ของเอสเอสไอ เชฟเฟอร์ เพื่อตรวจสอบพาเลทที่เข้าและออกอาคาร ด้วยข้อมูลเรียลไทม์ ทำให้ระบบอัตโนมัตินี้จะให้คำแนะนำในทันทีถึงประเภทของรถบรรทุกที่เหมาะขนย้ายผลิตภัณฑ์ที่สุด ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญในระหว่างเกิดไฟฟ้าขัดข้อง หรือเมื่อระบบคลังสินค้าและระบบโลจิสติกส์ไม่สามารถเข้าถึงได้
นอกเหนือไปจากการผสมผสานเทคโนโลยีอัตโนมัติชั้นนำของอุตสาหกรรมแล้ว ORCA ยังเปิดตัวโปรโตคอลมากมายเพื่อให้มั่นใจว่าบริษัทได้เตรียมพร้อมรับภัยพิบัติในอนาคตแล้ว ทีมบริหารจะพร้อมเสมอเมื่อเกิดภัยธรรมชาติ และทีมพิเศษฉุกเฉินจะทำงานหลายวันก่อนพายุไต้ฝุ่นที่คาดจะมาถึง เพื่อให้มั่นใจว่าระบบและมาตรการทุกอย่างเหมาะสมและพร้อมสำหรับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น นอกจากนี้ ORCA ยังได้เปิดตัวระบบสำรองสามชั้นเพื่อให้มั่นใจได้ในความต่อเนื่องหากระบบสำรองที่สองล่ม โดยการรวมโซลูชันคลังสินค้าและโลจิสติกส์ของเอสเอสไอ เชฟเฟอร์ เข้าด้วยกันกับกระบวนการและแผนงานที่มีประสิทธิภาพ ทำให้ ORCA พร้อมเดินหน้าจัดส่งอาหารไปทั่วประเทศด้วยการเข้าถึงอาหารในกรณีที่เผชิญภัยพิบัติต่าง ๆ เช่น พายุไต้ฝุ่นหว่ามก๋อ
เกี่ยวกับเอสเอสไอ เชฟเฟอร์
เอสเอสไอ เชฟเฟอร์ กรุ๊ป เป็นบริษัทชั้นนำระดับโลกผู้ให้บริการโซลูชันคลังสินค้าแบบโมดูลและโลจิสติกส์ บริษัทมีพนักงาน 10,500 คนใน 6 ทวีป โดยพัฒนาและใช้ระบบเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมที่เป็นนวัตกรรม เพื่อตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะของลูกค้าด้วยการออกแบบ พัฒนา และผลิตระบบต่าง ๆ ให้แก่คลังสินค้า โรงงานอุตสาหกรรม และสำนักงาน
เอสเอสไอ เชฟเฟอร์ ยังเป็นผู้นำในการให้บริการซอฟท์แวร์แบบโมดูลาร์ที่มีการอัพเดทเป็นประจำ เพื่อการขนส่งวัตถุดิบแบบอินเฮาส์ ด้วยการออกแบบของทีมวิศวกร 1,100 คน สินค้ากลุ่มไอทีของเอสเอสไอ เชฟเฟอร์ อาทิ ผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม WAMAS(R) และ SAP จึงให้การสนับสนุนแบบไร้รอยต่อแก่กระบวนการทำงานในคลังสินค้าและการขนส่งวัตถุดิบทั้งหมด
ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.ssi-schaefer.com/en-sg