อย่างไรก็ดี เราตีความว่าทางธปท. ยังไม่ได้ให้น้ำหนักการกลับมาระบาดของโควิด-19 มากนัก เห็นได้จากการที่คาดว่าการบริโภคเอกฃนยังเติบโตได้ดีขึ้นกว่าที่คาดไว้เดิม การส่งออกสินค้าเติบโตได้ดีจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก แต่การส่งออกบริการ หรือการท่องเที่ยวยังเป็นตัวฉุดเศรษฐกิจไทยได้อยู่ในปีหน้า ซึ่งหากการระบาดรอบนี้ของไทยนำไปสู่การหดตัวทางเศรษฐกิจในไตรมาสแรกปีหน้าเทียบไตรมาสสี่ปีนี้ หรือ double-dip recession เราอาจเห็นกนง.ออกมาตรการทางการเงินเพิ่มเติม แต่ที่ยังไม่ทำอะไรในรอบนี้ เพราะธปท.อาจรอมาตรการทางการคลังเป็นตัวหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจก่อน ไม่ว่าจะชดเชยรายได้ของผู้ที่ได้รับผลกระทบกรณีมีคำสั่งให้ล็อกดาวน์อย่างไร หรือจะมีมาตรการลดรายจ่ายคนอย่างไร ทางธปท.อาจรอความชัดเจนนี้ก่อนผ่อนคลายมาตรการทางการเงินเพิ่มเติม และเราเชื่อว่าทางธปท.ยังทำได้ด้วยขีดความสามารถในการดำเนินนโยบายในปัจจุบัน อีกทั้งกนง.ดูจะห่วงปัญหาบาทแข็งที่อาจกระทบความสามารถในการแข่งขันผู้ส่งออก และปัญหาสภาพคล่องที่แม้มีมากในระบบการเงิน แต่ยังไม่ช่วยเหลือธุรกิจ SME มากนัก
เรามองว่าในช่วงไตรมาสแรกปีหน้า หากการกลับมาระบาดของโควิดมีผลกระทบที่รุนแรงต่อเศรษฐกิจมากขึ้น ทางกนง.อาจมีการประชุมฉุกเฉินเพื่อออกมาตรการเหล่านี้ได้ โดยไม่ต้องรอให้ถึงรอบประชุมปกติรอบหน้า เพื่อบรรเทาปัญหาเศรษฐกิจและลดความรุนแรงต่อปัญหาการว่างงานและสภาพคล่องในธุรกิจขนาดเล็กและครัวเรือนที่มีรายได้น้อย
- ลดดอกเบี้ยที่จัดเก็บเข้ากองทุนฟื้นฟูลง 0.23% เหลือ 0 เพื่อให้ธนาคารพาณิชย์ลดภาระหนี้ให้ลูกค้า
- ผ่อนคลายเกณฑ์อัดฉีดสภาพคล่อง หรือ soft loan ช่วย SME
- ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% เหลือ 0.25% เพื่อลดผลกระทบการล็อกดาวน์ ลดภาระดอกเบี้ย เพิ่มสภาพคล่อง
- ขยายมาตรการพักชำระหนี้ครัวเรือนและ SME เพื่อให้ลูกค้ามีเวลาในการปรับโครงสร้างหนี้ และช่วยบรรเทาปัญหาทางการเงินในช่วงที่ขาดรายได้
- ธปท.เตรียมอัดฉีด QE เข้าระบบเพิ่มเติม และทำมากกว่าการซื้อหุ้นกู้เอกชน เพื่อเสริมสภาพคล่องให้ SME และอาจซื้อพันธบัตรรัฐบาลเพื่อให้คลังกู้เงินมากระตุ้นเศรษฐกิจได้ อีกทั้งน่าจะช่วยชะลอการแข็งค่าของเงินบาทในปีหน้าได้ด้วย
โดยสรุป นโยบายการเงินยังไม่ถึงทางตัน แต่รอให้คลังเดินหน้าก่อน พร้อมประเมินผลกระทบและความรุนแรงของการระบาดโควิดรอบนี้ แต่ธปท.ยังเหลือเครื่องมือมาพยุงเศรษฐกิจได้อยู่ แต่จะใช้อะไรบ้าง และแค่ไหน มากน้อยเพียงไรก็ขึ้นอยู่กับการควบคุมการระบาดในประเทศ แต่เราน่าจะได้เห็นนโยบายเชิงรุกในเร็วๆ นี้