'อย่าปล่อยให้เด็กอ้วนฯ ปี 4' เดินหน้าตอบโจทย์ประเทศไทย แก้ปัญหาเด็ก 'เตี้ย-อ้วน-ไอคิวต่ำ'

พุธ ๓๐ ธันวาคม ๒๐๒๐ ๑๓:๕๘

แผนงานสื่อศิลปวัฒนธรรมสร้างเสริมสุขภาพ สสส. ร่วมกับ สำนักการศึกษากรุงเทพมหานคร และภาคีเครือข่าย เปิดการอบรมเชิงปฏิบัติการโครงการสื่อสร้างสรรค์และกิจกรรมเพื่อการรณรงค์ 'อย่าปล่อยให้เด็กอ้วน (ลดหวาน มัน เค็ม เพิ่มผักและผลไม้)' ปี 4 ให้คุณครูโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร มุ่งพัฒนาครูเป็นนักสื่อสารสุขภาวะ สร้างสื่อสร้างสรรค์เปลี่ยนพฤติกรรมเด็กไทย 3 อ. อาหาร อารมณ์ ออกกำลังกาย ตอบโจทย์ปัญหาเด็ก 'เตี้ย-อ้วน-ไอคิวต่ำ' ชี้หากปล่อยเด็กอ้วนในวัยอนุบาล มีโอกาสเป็นผู้ใหญ่อ้วน 30% ส่วนเด็กวัยประถมและมัธยมที่อ้วน จะมีโอกาสเป็นผู้ใหญ่อ้วนถึง 80% ทั้งนี้วิกฤตโรคอ้วนจะส่งผลต่อเนื่องเกิดโรค NCDs (Non-Communicable diseases) หรือกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรังที่ทำให้คนไทยเสียชีวิตสูงถึง 73%

อ.ดนัย หวังบุญชัย ผู้จัดการแผนงานสื่อศิลปวัฒนธรรมสร้างเสริมสุขภาพ สสส. กล่าวว่า "การอบรมเชิงปฏิบัติการโครงการสื่อสร้างสรรค์และกิจกรรมเพื่อการรณรงค์ภายใต้หัวข้อ อย่าปล่อยให้เด็กอ้วน (ลดหวาน มัน เค็ม เพิ่มผักและผลไม้) ได้ดำเนินงานต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 โดยปีนี้ได้ร่วมกับสำนักการศึกษากรุงเทพมหานคร จัดการอบรมเชิงปฏิบัติการให้กับคุณครูจากโรงเรียนในเครือข่ายโครงการเสริมสร้างศักยภาพของเด็กและเยาวชน เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ตามพระราชดำริสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้ากรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จำนวน 31 โรงเรียน ด้วยหลักสูตรที่โครงการฯ พัฒนาจากการตกผลึกการทำงานมาตลอด 3 ปี มุ่งเน้นเรื่องของการปรับความรู้ความเข้าใจของคุณครู รวมถึงการสร้างกิจกรรมและนวัตกรรมสื่อสร้างสรรค์ที่จะต้องสามารถสร้างทัศนคติและปรับพฤติกรรมของเด็กในโรงเรียนได้จริง โดยหลังจากการอบรมครั้งนี้ คุณครูแต่ละโรงเรียนจะร่วมกับทีมพี่เลี้ยงในโครงการฯ ออกแบบแผนงาน นำไปสร้างสรรค์ให้เกิดขึ้นจริงในโรงเรียนตลอดปีการศึกษา 2564 และในท้ายที่สุด จะมีการจัดนิทรรศการนำเสนอผลงานนวัตกรรมของแต่ละโรงเรียนรวมถึงคัดเลือกโรงเรียนที่มีผลงานยอดเยี่ยมรับรางวัลถ้วยพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้ากรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีต่อไป"

อ.มานพ แย้มอุทัย ผู้ทรงคุณวุฒิจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า "สสส. มีพันธกิจในการสร้างเสริมสุขภาวะ รวมถึงการรณรงค์ในการลดปัจจัยเสี่ยงที่มีต่อสุขภาพในด้านต่างๆ โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กและเยาวชน ที่จะเห็นได้ว่าปัจจุบันวิถีชีวิตที่รีบเร่งของพ่อแม่ผู้ปกครอง ทำให้ขาดการดูแลเอาใจใส่ในเรื่องการดูแลสุขภาพทั้งเรื่องโภชนาการและการออกกำลังกาย พ่อแม่ส่วนใหญ่ฝากลูกไว้กับร้านสะดวกซื้อที่เด็กสามารถเข้าถึงขนมกรุบกรอบ น้ำหวาน น้ำอัดลม ฯลฯ ได้ตลอด 24 ชั่วโมง พฤติกรรมการบริโภคและการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไปนี้เอง ทำให้เกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรังหรือ NCDs (Non-Communicable diseases) ซึ่งกลายเป็นปัญหาสุขภาพใหญ่ของคนไทย ดังนั้น สสส. จึงเข้ามาสนับสนุนและร่วมทำงานในโครงการอย่าปล่อยให้เด็กอ้วนฯ นี้ เพื่อหวังให้เกิดความร่วมมือของทั้งโรงเรียน คุณครู ผู้ปกครอง รวมไปถึงชุมชน ในการช่วยกันสร้างสรรค์สื่อและนวัตกรรมใหม่ๆ ที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงทั้งด้านความรู้ ความเข้าใจ รวมถึงพฤติกรรมด้านสุขภาวะของเด็กและเยาวชนที่เห็นผลอย่างเป็นรูปธรรม"

ด้าน อ.สง่า ดามาพงษ์ ที่ปรึกษากรมอนามัยและอุปนายกสมาคมโภชนาการ กล่าวว่า "วัตถุประสงค์ของโครงการนี้เราอยากตอบโจทย์ประเทศไทย ว่าทำไมเด็กไทยถึง เตี้ย-อ้วน-ไอคิวต่ำ ทุกวันนี้คนไทย 73% เสียชีวิตด้วยกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรังหรือ NCDs (Non-Communicable diseases) ซึ่งเป็นปัญหาสุขภาพที่มีผลสืบเนื่องมาตั้งแต่เด็ก โดยสถิติถ้าเราปล่อยให้เด็กในวัยอนุบาลอ้วน จะมีโอกาสกลายเป็นผู้ใหญ่อ้วนถึง 30% และถ้าเราปล่อยให้เด็กในวัยประถมและมัธยมอ้วน จะมีโอกาสกลายเป็นผู้ใหญ่อ้วนถึง 80% ดังนั้น ถ้าเราลดปัญหาเด็กอ้วนได้ การเกิดโรค NCDs ของกลุ่มผู้ใหญ่ในอนาคตก็จะลดลง ที่ผ่านมาเราพบว่าปัญหาสำคัญที่ทำให้เด็กอ้วน เกิดจากการสื่อสารเรื่องสุขภาวะที่ไม่แข็งแรงพอ ไม่เหมาะสมกับเด็ก ดังนั้นโครงการนี้จึงมุ่งที่จะพัฒนาคุณครูในการสร้างกิจกรรมและสื่อสร้างสรรค์ที่ทำให้เด็กได้รับการสื่อสารที่เหมาะสมกับวัย ผ่านการปรับพฤติกรรม 3 อ. คือ อาหาร อารมณ์ ออกกำลังกาย เป็นการสร้างความฉลาดรู้ด้านสุขภาพหรือ Health Literacy ให้กับเด็กไทยอย่างยั่งยืน"

ในส่วนของ นางบุปผาศิริ ไชยมงคล หน่วยศึกษานิเทศก์ สำนักการศึกษากรุงเทพมหานคร กล่าวว่า "กรุงเทพมหานคร กับ สสส. เปรียบเสมือนเป็นองค์กรพี่น้องกัน เมื่อทาง สสส. จัดทำโครงการดีๆ แบบนี้ขึ้นมา นับว่ามีประโยชน์อย่างมาก เพราะคุณครูที่มาอบรม จะได้รับความรู้และทักษะใหม่ๆ ที่สามารถนำไปจัดทำโครงการ สร้างกิจกรรม รวมถึงผลิตสื่อการเรียนการสอนให้กับเด็กๆ ในโรงเรียนในเรื่องนี้ได้อย่างเห็นผลจริง ที่ผ่านมากรุงเทพมหานครให้ความสำคัญกับปัญหาเด็กอ้วนเกิน ผอมเกิน ผ่านทั้งการจัดทำโครงการอาหารเช้า โครงการอาหารกลางวัน โครงการเด็กไทยอ่อนหวาน ฯลฯ เราคาดหวังว่าโครงการอย่าปล่อยให้เด็กอ้วนฯ นี้ จะเป็นอีกโครงการหนึ่งที่มาช่วยเติมเต็มทำให้เด็กในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานครพ้นจากปัญหาตรงนี้ไปได้"

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๓๑ ม.ค. รู้จักโรคอ้วนดีแล้ว.จริงหรือ?
๓๑ ม.ค. บมจ.ไทยเซ็นทรัลเคมี ร่วมกับ MBK ส่งมอบปฏิทินในกิจกรรม ปฏิทินเก่ามีค่า เราขอ
๓๑ ม.ค. BSRC ออกหุ้นกู้รอบใหม่ 8,000 ล้านบาท ยอดจองเกินเป้า ตอกย้ำความเชื่อมั่นของผู้ลงทุน
๓๑ ม.ค. คปภ. ร่วมสัมมนาประกันภัย ครั้งที่ 29 เตรียมรับมือความเสี่ยงอุบัติใหม่ พลิกโฉมธุรกิจประกันภัยสู่ความท้าทายในอนาคต
๓๑ ม.ค. มอบของขวัญให้กับครอบครัวของคุณช่วงวันหยุดพิเศษที่ สเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก สุขุมวิท
๓๑ ม.ค. OR เปิดตัว CEO คนใหม่ หม่อมหลวงปีกทอง ทองใหญ่ มุ่งผลักดันไทยสู่ Oil Hub แห่งภูมิภาค พร้อมขับเคลื่อนองค์กรด้วยดิจิทัล-นวัตกรรม
๓๑ ม.ค. เดลต้า ประเทศไทย คว้ารางวัล ASEAN's Top Corporate Brand ประจำปี 2567
๓๑ ม.ค. โรงแรมอลอฟท์ กรุงเทพ สุขุมวิท 11 พลิกโฉมใหม่ สุดโมเดิร์น! พร้อมเปิดตัว w xyz bar ตอกย้ำความสนุกในแบบฉบับ
๓๑ ม.ค. PAUL JOE เปิดตัว GLOSSY ROUGE ต้อนรับฤดูใบไม้ผลิ 2025
๓๑ ม.ค. บริษัท โกซอฟท์ (ประเทศไทย) ได้รับเกียรติบัตรศูนย์ รับเรื่องและแก้ไขปัญหาให้กับผู้บริโภคระดับดีเด่น จาก สคบ. และการรับรองมาตรฐาน ISO