กรุงเทพฯ--11 ม.ค.--ไอ ที เวิร์คส์
“ณัฐวุฒิ” ผู้บริหารหนุ่มไฟแรงแห่ง “ไอที เวิร์คส์” ตอกย้ำการเป็นผู้นำด้านผลิตภัณฑ์ Identification Technology ด้วยการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ “TimeWORKS Offline” เครื่องลงเวลาประสิทธิภาพสูงที่ไม่ต้องใช้พีซีในการรันระบบ พร้อมเผยยอดขายปี 48 โตกว่า 100% ทะลุ 80 ล้าน ปี 49 เตรียมเดินเกมรุกต่อเนื่องสู่หน่วยงานราชการและตลาดต่างประเทศ มั่นใจดันยอดขายปีนี้เพิ่มอีกเท่าตัวมากกว่า 160 ล้านแน่นอน
นายณัฐวุฒิ พึงเจริญพงศ์ กรรมการผู้จัดการ (CEO) บริษัท ไอที เวิร์คส์ จำกัด (IT WORKS LTD.)เปิดเผยว่า ในรอบปี 2548 ที่ผ่านมา บริษัทฯ มียอดขายซอฟท์แวร์ด้าน Identification Technology (เทคโนโลยีที่ใช้ยืนยันตัวบุคคล) คิดเป็นจำนวนกว่า 80 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2547 ถึง 100% โดยผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมจากลูกค้าในลำดับต้น ๆ คือ ซอฟท์แวร์เกี่ยวกับลายนิ้วมือ, RFID, เครื่องอ่านบัตรประชาชน ทั้งรุ่น Magnetic และรุ่น Smart Card ซึ่งจะมีทั้งผลิตภัณฑ์ที่เป็นชุดพัฒนา (SDK) เพื่อจำหน่ายให้กับโปรแกรมเมอร์นำไปพัฒนาต่อ และผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปที่ลูกค้าสามารถนำไปใช้งานได้ทันที
ในปีที่ผ่านมา บริษัทฯ มีการทำตลาดผ่านทาง Distributor หลักจำนวน 4 รายคือ SIS, Value, Digital Com และ IT Distribution นอกจากนี้ยังขายผ่านดีลเลอร์ในต่างจังหวัดด้วย เช่น ขอนแก่น, เชียงใหม่, หาดใหญ่, ชลบุรี และเพชรบุรี เป็นต้น ซึ่งทำให้ลูกค้าที่เป็นธุรกิจเอสเอ็มอีมีการขยายตัวค่อนข้างสูง โดยปัจจุบันมีธุรกิจเอสเอ็มอีที่ใช้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ เป็นจำนวนมากกว่า 3,000 แห่งทั่วประเทศ คิดเป็นสัดส่วน 70% ของยอดขายทั้งหมดของบริษัทฯ
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้รุกตลาดไปยังหน่วยงานขนาดใหญ่ต่าง ๆ ทั้งภาคเอกชนและภาครัฐบาล เช่น AIS, ไทยทีวีสีช่อง 3, ทิปโก, โออิชิ, ยูนิฟ, กองทัพอากาศ และด่านตรวจคนเข้าเมือง เป็นต้น
สำหรับในปี 2549 นี้ บริษัทฯ ได้วางแผนการขยายตลาดสู่หน่วยงานภาครัฐให้เพิ่มขึ้น โดยตั้งเป้าหมายว่าจะเพิ่มสัดส่วนยอดขายให้ได้ถึง 50% จากปัจจุบันที่ตลาดหน่วยงานภาครัฐมีอยู่ประมาณ 30% ซึ่งบริษัทฯ เตรียมโครงการที่จะจัดกิจกรรมในหน่วยงานราชการต่าง ๆ พร้อมกับเน้นการเข้าร่วมประมูลงานราชการให้มากขึ้น
“ขณะนี้เรามีโครงการงานราชการอยู่ โดยทำ Border Pass ให้สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ในการข้ามแดนผ่านไปประเทศมาเลเซีย ซึ่งการยืนยันตัวบุคคลด้วยลายนิ้วมือจะมีความแม่นยำ และสามารถช่วยงานทางด้านราชการได้มาก”
ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้วางแผนที่จะขยายตลาดออกไปยังต่างประเทศเพิ่มเติมอีกด้วย จากปัจจุบันที่ได้เริ่มเปิดตลาดในประเทศกลุ่มตะวันออกกลางไปแล้ว คือ ปากีสถาน และอินเดีย โดยบริษัทฯ จะใช้กลยุทธ์หลักในการจัดหาและร่วมมือกับ Distributor ในประเทศเป้าหมาย เช่น ดูไบ, อังกฤษ, เยอรมนี และญี่ปุ่น เพื่อจำหน่ายผลิตภัณฑ์ SDK ซึ่งบริษัทฯ มั่นใจว่าจะสามารถพัฒนาตลาดต่างประเทศให้เติบโตขึ้นได้ จากการที่ประเทศต่าง ๆ เหล่านั้นเริ่มให้การยอมรับและไว้วางใจในเทคโนโลยีด้าน Biometrics ของบริษัทฯ
นายณัฐวุฒิกล่าวต่อว่า ”ในปัจจุบันมีบริษัทที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับเครื่องลงเวลาเป็นจำนวนมาก แต่ผลิตภัณฑ์ลงเวลาของ ไอที เวิร์คส์ ภายใต้ชื่อ “TimeWORKS” นั้น จะมีข้อแตกต่างจากบริษัทอื่นๆ ตรงที่ TimeWORKS จะใช้การปฏิบัติการบน PC ทั้งหมด โดยตัว Software จะถูกออกแบบมาให้เป็นแบบ PC Base โดยการทำงานทั้งหมด เช่น การประมวลผล, การออกรายงาน, การจับคู่ลายนิ้วมือ ฯลฯ ก็ล้วนแล้วแต่ทำงานบนเครื่อง PC และลักษณะเด่นอีกข้อของ ไอที เวิร์คส์ ก็คือ บริษัทฯ เราจะนำเข้าเฉพาะตัว Hardware แต่ในส่วนของ Software เราจะมีทีมโปรแกรมเมอร์ของบริษัทฯ ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในด้านเทคโนโลยี Biometrics เป็นผู้คิดค้น และพัฒนาขึ้นเอง ในขณะที่บริษัทอื่น ๆ จะนำเข้าเครื่องลงเวลาสำเร็จรูปจากต่างประเทศมาทั้งชุด (ทั้ง Hardware และ Software) แล้วนำออกขายให้ลูกค้าโดยไม่มีการปรับปรุงและเปลี่ยนแปลง”
นายณัฐวุฒิกล่าวต่ออีกว่า ในปีนี้บริษัทฯ ได้เตรียมเปิดตัว “TimeWORKS Offline” โดยเป็นผลิตภัณฑ์ด้านการลงเวลารูปแบบใหม่ที่บริษัทฯ พัฒนาขึ้นจากผลิตภัณฑ์เดิม คือ “TimeWORKS” โดย “TimeWORKS Offline” เป็นเครื่องลงเวลาที่ไม่ต้องใช้พีซีในการรันระบบ เนื่องจากภายในตัวเครื่องจะมี OS ขนาดเล็กที่มีหน่วยความจำสูง สามารถเก็บข้อมูลได้มากถึง 1,000 — 1,500 ลายนิ้วมือ และสามารถบันทึกได้มากกว่า 50,000 ครั้ง ก่อนที่จะนำส่งข้อมูลไปยังเซอร์ฟเวอร์
“แนวความคิดในการขายผลิตภัณฑ์ออฟไลน์นี้ มาจากการที่ลูกค้าจำนวนมากต้องการติดตั้งจุดลงเวลาในหลาย ๆ ประตู และต้องการให้มีระบบควบคุมการเปิด-ปิดประตูทุกชั้นและทุกประตู ซึ่งการรันบนพีซีอาจทำให้เกิดปัญหาในแง่ของการสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายตัวพีซี และยังอาจไม่ได้รับความสะดวกในด้านการบริหารจัดการ”
“ในปี 2549 นี้ เรายังได้เตรียมออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ด้าน Biometrics ให้มากขึ้น เช่น ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับการอ่านใบหน้า หรือโครงหน้า รวมถึงการ Educate ตลาดในผลิตภัณฑ์ RFID และ National ID Card SDK ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ซึ่งเมื่อรวมกับแผนการทำตลาดทั้งหมดของบริษัทฯ แล้ว ทำให้คาดว่าในปีนี้เราจะสามารถเพิ่มยอดขายได้อีกถึงเท่าตัว คือประมาณ 160 ล้านบาท” นายณัฐวุฒิกล่าวในตอนท้าย
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
สุจิตรา ยิ่งเพิ่มมงคล
Senior Public Relations
โทร. : 0-2645-1200 ต่อ 204
โทรสาร : 0-2645-1233
Email : [email protected]
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net--จบ--