กรุงเทพฯ--11 ก.ย.--โพลีพลัส พีอาร์
“คิง เพาเวอร์” ทุ่มงบ 7,500 ล้านบาท ขยาย “อาณาจักรดิวตี้ ฟรี” เตรียมยกระดับ สร้างภาพลักษณ์ก้าวสู่ความเป็นแบรนด์ระดับโลก พร้อมเปิด “คิง เพาเวอร์ สุวรรณภูมิ” อย่างเป็นทางการ หลังชิมลางเปิด “คิงเพาเวอร์ คอมเพล็กซ์” กลางใจเมือง
"คิง เพาเวอร์” ทุ่มงบ 7,500 ล้านบาท ขยายอาณาจักรดิวตี้ฟรี สู่ “คิง เพาเวอร์ คอมเพล็กซ์” และ “คิง เพาเวอร์ สุวรรณภูมิ” ประกาศความพร้อม!!!! เตรียมเปิด “คิง เพาเวอร์ สุวรรณภูมิ” ชูจุดเด่นสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสนามบิน พร้อมตกแต่งให้เป็น “มนต์เสน่ห์แห่งโลกตะวันออก” ถ่ายทอดเอกลักษณ์ความเป็นไทยสู่สายตาชาวโลก ออกแบบให้เป็น “วอล์กกิ้ง ทรู ช้อปปิ้ง สตรีท ในสนามบินที่ยาวที่สุดในโลก” ให้นักช้อปสะดวกสบายในการช้อปปิ้งอย่างที่สุด ระดมแบรนด์เนมชั้นนำนับพันแบรนด์ พร้อมด้วยสินค้าและบริการมากมาย รวมทั้งจัดโซนอย่างลงตัว เพียบพร้อมด้วยบริการครบถ้วน ทั้งร้านอาหาร สปา ซาลอน ห้องพัก บิสิเนส เซ็นเตอร์ ธนาคาร ฯลฯ เพื่อให้นักเดินทางใช้เวลาในสนามบินอย่างคุ้มค่าที่สุด เตรียมกลยุทธ์ในการยกระดับสร้างภาพลักษณ์ให้ “คิง เพาเวอร์” เป็นแบรนด์ระดับโลก พร้อมโปรโมท “คิง เพาเวอร์ สุวรรณภูมิ” เป็นอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ไม่แพ้นานาชาติ ตั้งเป้ากวาดรายได้ 17,200 ล้านบาทภายในหนึ่งปี
หลังจาก “คิง เพาเวอร์ คอมเพล็กซ์” (King Power Complex) อาณาจักรร้านค้าปลอดอากรแห่งใหม่ กลางใจเมือง ริมถนนรางน้ำ — ศรีอยุธยา ได้เปิดโซนดิวตี้ ฟรี มอลล์ เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2549 ที่ผ่านมา นายวิชัย รักศรีอักษร ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ประกาศความพร้อมในการขยายอาณาจักรดิวตี้ฟรีสู่ “คิง เพาเวอร์ สุวรรณภูมิ” ว่า “กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์” ผ่านการคัดเลือกให้เป็นผู้บริหารร้านค้าดิวตี้ฟรี และกิจกรรมเชิงพาณิชย์ในการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิทั้งหมด ภายใต้การรับผิดชอบของบริษัท คิง เพาเวอร์ สุวรรณภูมิ จำกัด ถือเป็นหน้าที่อันยิ่งใหญ่ในการร่วมสร้างประวัติศาสตร์ให้สนามบิน สุวรรณภูมิเป็นศูนย์กลางการบินแห่งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่มีความทันสมัยได้มาตรฐานสากล โดย “คิง เพาเวอร์” จะใช้ประสบการณ์ทั้งหมดจากธุรกิจดิวตี้ ฟรีทั้งในและต่างประเทศกว่า 20 ปี มาสร้างจุดแข็งด้วยการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสนามบินสุวรรณภูมิ โดยทำการศึกษาสนามบินที่มีชื่อเสียงทั่วโลก นำข้อเด่น ข้อด้อย รวมทั้งศึกษาพฤติกรรมของนักเดินทาง นักท่องเที่ยว มาวิเคราะห์และประมวล เพื่อสร้างจุดแข็ง — เพิ่มมูลค่า ให้สนามบินสุวรรณภูมิ”
“การจะทำให้สนามบินเป็นสุดยอดของโลก ไม่ใช่เน้นเพียงแค่ความคล่องตัวของการเดินทางของผู้โดยสารเท่านั้น แต่ต้องเน้นสิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐานด้วย “คิง เพาเวอร์ สุวรรณภูมิ” มีจุดมุ่งหมายในการสร้างความประทับใจแก่ผู้มาเยือน ด้วยการมอบประสบการณ์ใหม่ที่แตกต่างและเหนือความคาดหมาย จัดเตรียมสิ่งต่าง ๆ ไว้อำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยสาร พร้อมสร้างบรรยากาศของพื้นที่กิจกรรมเชิงพาณิชย์ระดับมาตรฐานสากล ตลอดจนการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ทั้งหมดในอาคารผู้โดยสารให้สามารถตอบสนองต่อความต้องการที่หลากหลายและแตกต่างกันของผู้ใช้บริการท่าอากาศยาน ทั้งนี้เพื่อให้ผู้โดยสารได้รับความสะดวกสบาย และความเพลิดเพลินระหว่างการใช้เวลาอยู่ภายในอาคารผู้โดยสาร ในขณะเดียวกันสะท้อนให้เห็นถึงวัฒนธรรมและมรดกอันดีงามของประเทศไทย ซึ่งเป้าหมายทางธุรกิจดังกล่าวได้คำนึงถึงภาพพจน์ของการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเป็นสำคัญ เพื่อสานต่อเจตนารมณ์ให้การท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เป็นศูนย์กลางการบินแห่งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่ง “คิง เพาเวอร์” ภูมิใจที่มีส่วนช่วยทำหน้าที่ยกระดับภาพลักษณ์ของสนามบินสุวรรณภูมิ และส่งผลถึงภาพลักษณ์ของแบรนด์ “คิง เพาเวอร์” เพราะธุรกิจคิง เพาเวอร์ จะเป็นระดับโลกได้ ก็ต่อเมื่อเรามีส่วนช่วยในการสร้างให้สนามบินสุวรรณภูมิเป็นสุดยอดได้สำเร็จลุล่วง” นายวิชัย กล่าว
นายจุลจิตต์ บุณยเกตุ รองประธานกรรมการบริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เปิดเผยว่า “ในส่วนของอาณาจักรดิวตี้ ฟรี ใจกลางเมือง “คิง เพาเวอร์ คอมเพล็กซ์” ริมถนนรางน้ำ — ศรีอยุธยา เป็นคอมเพล็กซ์สมบูรณ์แบบบนพื้นที่มหาศาลกว่า 31 ไร่ ใช้งบประมาณกว่า 4,500 ล้านบาทในการก่อสร้างและตกแต่งให้เป็น “คิง เพาเวอร์ คอมเพล็กซ์” ที่เป็น “วัน สต๊อป ช้อปปิ้ง” (One Stop Shopping) เพียบพร้อมด้วย อาคารสำนักงาน ร้านค้าปลอดอากร ภัตตาคาร โรงมหรสพ และ โรงแรมระดับ 4 ดาว ซึ่ง “คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ ฟรี มอลล์” ซึ่งเปิดให้บริการไปแล้ว ประกอบด้วย คราวน์เอเทรียม พื้นที่อเนกประสงค์ตกแต่งเป็นโดมกระจกใสเปรียบเหมือนสัญลักษณ์ของคอมเพล็กซ์ มีพื้นที่ใช้สอย 2,890 ตารางเมตร สำหรับลงทะเบียนลูกค้า และจัดนิทรรศการต่างๆ ส่วนร้านค้าปลอดอากร 2 ชั้น ขนาดพื้นที่กว่าหมื่นตารางเมตร ที่พร้อมให้บริการนักท่องเที่ยวมากถึงวันละ 20,000 คน ด้วยสินค้าคุณภาพที่ได้รับการคัดสรรจากทั่วโลก ทั้งสินค้าแบรนด์เนมชื่อดังและสินค้าไทยคุณภาพสูง ส่วนชั้น 3 เป็นภัตตาคาร “รามายณะ” มีพื้นที่ 1,220 ตารางเมตร ให้บริการบุฟเฟ่ต์นานาชาติ ขนาด 548 ที่นั่ง และโรงมหรสพ “KING POWER THEATRE” สำหรับจัดแสดงศิลปวัฒนธรรม ในส่วนของอาคารสำนักงานสูง 9 ชั้นซึ่งเป็นที่ทำการของหน่วยงานต่าง ๆ ในกลุ่ม พร้อมเริ่มทำการตั้งแต่ 9 ตุลาคม 2549 เป็นต้นไป และส่วนของโรงแรมระดับ 4 ดาว ขนาด 400 ห้อง เป็นอาคารสูง 21 ชั้น ที่มีรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบโรงแรมในเมืองผสมรีสอร์ท จะพร้อมเปิดให้บริการในเดือน พฤษภาคม 2550 ภายใต้ชื่อ “โนโวเทล คิง เพาเวอร์ กรุงเทพ”
“ในส่วนของ “คิง เพาเวอร์ สุวรรณภูมิ” และบริษัทในเครือที่อยู่ในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ใช้งบประมาณการตกแต่ง 3,000 ล้านบาทโดยประมาณ โดดเด่นด้วยความเพียบพร้อมของสินค้าและบริการต่าง ๆ เพื่อจะทำให้ นักเดินทางใช้เวลาอย่างคุ้มค่า และ มีความสุขที่สุดในท่าอากาสยานสุวรรณภูมิ โดยมีการจัดสรรพื้นที่และบริหารพื้นที่จัดแบ่งโซนสิ้นค้าด้วยการคำนึงถึงประโยชน์ของผู้ใช้บริการเป็นสำคัญ โดยออกแบบให้เป็น “วอล์กกิ้ง ทรู ช้อปปิ้ง สตรีท ในสนามบินที่ยาวที่สุดในโลก” คือมีความยาวถึง 999 เมตรต่อชั้น ซึ่งได้มีการออกแบบให้มีความลงตัว ทำให้การจับจ่ายใช้สอยเกิดความเพลิดเพลิน และสอดคล้องกับการจัดการสัญจรภายใน
ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ พร้อมทั้งสร้างความหลากหลายทั้งส่วนของร้านค้าซึ่งระดมแบรนด์เนมชั้นนำระดับโลกนับพันแบรนด์ และบริการที่ครอบคลุมทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ของการช้อปปิ้ง ที่ประกอบด้วยร้านค้ารูปแบบต่างๆ ร้านอาหารที่มีหลากหลายรูปแบบ เช่น ภัตตาคาร, ฟาสต์ฟูดส์, บาร์และคาเฟ่, ร้านเครื่องดื่มและอาหารว่าง นอกจากนี้ยังมีบริการจากธนาคารและบริการด้านความบันเทิงอีกมากมาย ทั้งนี้เพื่อเอื้ออำนวยให้ผู้โดยสารได้รับความสะดวกสบายสูงสุดในการใช้ชีวิตภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นอกจากนี้ยังมีการมีการออกแบบงานสถาปัตยกรรม และมัณฑนศิลป์ภายในพื้นที่กิจกรรมเชิงพาณิชย์อย่างมีเอกลักษณ์และโดดเด่น ซึ่งส่งเสริมและยกระดับให้ภาพรวมของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเป็นมากกว่าสนามบิน เพราะเป็นการออกแบบที่สะท้อนถึงมรดกทางวัฒนธรรม และคุณค่าความเป็นไทย เพื่อให้ผู้โดยสารเกิดความเพลิดเพลินและประทับใจ”
“สำหรับทิศทางทางการตลาดของ “คิง เพาเวอร์ สุวรรณภูมิ” เราได้ใช้กลยุทธ์ทางการตลาดแบบครบวงจร โดยครอบคลุมทั้งการโฆษณา, ประชาสัมพันธ์, ส่งเสริมการขาย, ลูกค้าสัมพันธ์ ฯลฯ ครอบคลุมสื่อโทรทัศน์ วิทยุ หนังสือพิมพ์ นิตยสาร อินเตอร์เน็ต สื่อกลางแจ้ง ฯลฯ ทั้งสื่อในประเทศและต่างประเทศ และเพื่อเป็นการกระตุ้นยอดขายในช่วงการขยายอาณาจักรดิวตี้ ฟรี “คิง เพาเวอร์” เตรียมสินค้าใหม่ๆ และรายการส่งเสริมการขายที่มั่นใจว่าจะได้รับความสนใจและมีกลุ่มลูกค้านักท่องเที่ยวเข้าใช้บริการกว่า 50% ของนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าประเทศไทย และตั้งเป้าทำรายได้ 17,200 ล้านบาท ภายในหนึ่งปี”
ในการยกระดับภาพลักษณ์คิง เพาเวอร์ ให้เป็นระดับโลกครั้งนี้ ทางบริษัท คิง เพาเวอร์ ได้ทุ่มงบประมาณเพื่อการวางแผนงานการสื่อสาร โฆษณา และประชาสัมพันธ์ ทั้ง Above the line และ Below the line โดยใช้งบประมาณโฆษณาตลอดแคมเปญทั้งสิ้นกว่า 180 ล้านบาท ด้วยรูปแบบการสื่อสารแบบครบวงจรผ่านโฆษณาทางทีวี หนังสือพิมพ์ นิตยสาร บิลบอร์ด สื่อ Out of home ต่าง ๆ อีเวนท์ และการ Tie in program
นอกจากนี้ คิง เพาเวอร์ ยังได้ปรับภาพลักษณ์โลโก้บริษัทจากเดิม ให้สามารถสื่อสารคอนเซ็ปต์ของภาพลักษณ์ใหม่ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น จึงผสมผสานเส้นสายของวัฒนธรรมตะวันออกผ่านการออกแบบตัวอักษร ที่มีความชดช้อยแบบไทยประยุกต์เข้าไปในตัวอักษรของโลโก้ และเพิ่ม “Mantra effect ” เข้าไป เพื่อสื่อถึงความมหัศจรรย์ของมนต์เสน่ห์ที่จะได้รับจาก คิง เพาเวอร์ และยังสะท้อนความเชี่ยวชาญระดับสากลของธุรกิจผ่านวงแหวนสีทอง
เพื่อให้สอดคล้องกับภาพลักษณ์ดังกล่าว บริษัทจึงได้มีการจัดทำภาพยนตร์โฆษณาทั้งหมด 3 ชุด ด้วยคอนเซ็ปต์ “มนต์เสน่ห์แห่งโลกตะวันออก / Mantra of the East” ที่สะท้อนให้เห็นภาพลักษณ์ของความ เป็นไทยที่ดูสากล และต้องสื่อสารความเป็นอาณาจักรของคิง เพาเวอร์ ที่ให้บริการแก่นักเดินทางทั่วโลกอย่างครบวงจรมากขึ้น และสื่อให้เห็นถึงความพิถีพิถัน ตั้งแต่การคัดสรรสินค้าและการให้บริการต่าง ๆ เพื่อบริการนักเดินทาง ให้เกิดความประทับใจ โดยเฉพาะการเน้นให้เห็นถึงเอกลักษณ์ของความเป็นไทยที่คงอยู่ และยากที่ดิวตี้ ฟรี ของประเทศอื่นจะนำมาเป็นจุดแข่งได้ ทั้งนี้ภาพยนตร์โฆษณา จะเริ่มออกอากาศตั้งแต่วันที่ 15 กันยายน เป็นต้นไป
นายสมบัตร เดชาพานิชกุล กรรมการผู้จัดการ กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เปิดเผยถึงการออกแบบของอาณาจักรคิง เพาเวอร์ ทั้งสองแห่ง ว่า “ด้านสถาปัตยกรรมและการตกแต่งของ “คิง เพาเวอร์ คอมเพล็กซ์” ถูกเนรมิตให้เป็นบรรยากาศแห่งสีสันและวัฒนธรรมตะวันออก โดยผสมผสานวิสัยทัศน์และวัฒนธรรมไทยสู่สโลแกน “มนต์เสน่ห์แห่งโลกตะวันออก” เพื่อให้ “คิง เพาเวอร์ คอมเพล็กซ์” เป็น “จุดหมายแห่งใหม่ของนักท่องเที่ยว” (New Tourist Destination) อย่างแท้จริง!!!”
“ในส่วนของ “คิง เพาเวอร์ สุวรรณภูมิ” การออกแบบพื้นที่กิจกรรมเชิงพาณิชย์ภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เน้นความทันสมัยและเอกลักษณ์ความเป็นไทยร่วมสมัย ผสานเข้ากับสนามบินนานาชาติอย่างลงตัว เพื่อสร้างให้เกิดความรู้สึกแตกต่างจากสนามบินทั่วไป ประกอบด้วย 4 ส่วน ดังนี้ “เวิลด์ ออฟ ไทยแลนด์” (World of Thailand) เป็นเสมือนสัญลักษณ์ของสนามบินสุวรรณภูมิ ที่จะสร้างความประทับใจให้กับนักเดินทางด้วยประติมากรรม “เทวตำนานการกวนเกษียรสมุทร” ที่มีความยาวถึง 23 เมตร เป็นประติมากรรมชิ้นเอก และเป็นสัญลักษณ์ของสนามบินสุวรรณภูมิ ในส่วน “สเปเชี่ยล รีเทล” (Specialty retail) เป็นพื้นที่จัดแสดงสินค้า แบรนด์เนมชั้นนำระดับโลก และร้านค้า คอนเซ็ปท์ ช้อป” (Concept Shop) ที่รวบรวมสินค้าประเภทต่างๆ อย่างเป็นหมวดหมู่ ทั้งนี้เพื่อให้ผู้โดยสารสามารถเลือกซื้อสินค้าได้อย่างสะดวก รวดเร็ว โดยมีรูปแบบการตกแต่ง ที่เน้นวัสดุจากธรรมชาติ เพื่อแสดงถึงความละเมียดละไมและทรงคุณค่าความเป็นไทย แต่แฝงไว้ด้วยความหรูหราและสวยงามตามยุคสมัย “วอล์กกิ้ง ทรู ช้อปปิ้ง สตรีท” ( Walking Through Shopping Street) ตกแต่งอย่างสวยงามด้วยสถาปัตยกรรมร่วมสมัย และเทคนิคการจัดดิสเพลย์ที่ได้มาตรฐานระดับโลก นอกจากนี้ยังมี Museum Shop สำหรับจัดจำหน่ายของที่ระลึกจากเทวตำนานกวนเกษียรสมุทร ร้านค้าจากโครงการหลวงและ OTOP จำหน่ายผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น โดยตกแต่งด้วยวัสดุอุปกรณ์ ที่แสดงออกถึงเอกลักษณ์และขนบธรรมเนียมประเพณีที่งดงามและทรงคุณค่าของไทย สินค้าที่นำมาจำหน่ายจะเป็นสินค้าที่ผ่านการผลิตอย่างประณีตด้วยฝีมือคนไทย จากทั่วทุกจังหวัด ควรค่าแก่การเลือกสรรและเป็นสินค้าของฝากที่น่าประทับใจอย่างยิ่ง ภายใต้แนวคิด “Thai Gift Destination” การออกแบบและจัดโซนพื้นที่ทั้งหมด เตรียมพร้อมให้ “คิง เพาเวอร์ สุวรรณภูมิ” ช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เป็นอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ระดับนานาชาติ มั่นใจอย่างยิ่งว่า “คิง เพาเวอร์ สุวรรณภูมิ” สามารถตอบสนองความต้องการของผู้มาเยือนได้อย่างครบถ้วน พร้อมเปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 28 กันยายน เป็นต้นไป”
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ฝ่ายประชาสัมพันธ์
บริษัท โพลีพลัส พีอาร์ จำกัด 0-2572-4444 ติดต่อ คุณอาภาภรณ์ (เอ) 0-9788-4868 / คุณพรรณทิมา (นุ้ย) 0-1075-0111,
คุณพรจิต (จอย) 01-9249196
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net