กรุงเทพฯ--24 พ.ย.--แม็กซิม่า คอนซัลแตนท์
นายแพทย์ สมชาย ลี่ทองอิน ผู้อำนวยการกองออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข เป็นตัวแทนอธิบดีกรมอนามัยเป็นประธานในการประกาศผลและมอบเกียรติบัตร “โรงเรียนดีเด่นด้านการส่งเสริมการออกกำลังสำหรับเยาวชน” ในโครงการเด็กไทยสดใส ร่วมใจออกกำลัง ซึ่งริเริ่มโดยบริษัท โคคา-โคลา (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมกับ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงศึกษาธิการ และสถาบันวิจัยโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล ให้แก่ โรงเรียนบ้านใหม่วัฒนา และโรงเรียนพระยาประเสริฐสุนทราศรัย 2 โรงเรียนที่ชนะคว้ารางวัลไปครอง ณ ห้องฆ้องทอง อาคารฐานเศรษฐกิจ ถนนวิภาวดีรังสิต
โครงการเด็กไทยสดใส ร่วมใจออกกำลัง เป็นโครงการที่ปลูกฝังให้เยาวชนหันมาสนใจออกกำลังกายเพื่อสร้างเสริมสุขภาพให้แข็งแรง พร้อมกับปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหารให้ถูกหลักโภชนาการมากขึ้น โดยได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 มีโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการจนถึงปัจจุบันกว่า 1,200 แห่ง โดยครูและโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการจะได้รับการสนับสนุนทางด้านข้อมูล อุปกรณ์และการอบรมความรู้เกี่ยวกับการออกกำลังและโภชนาการต่างๆอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ โครงการฯ ยังมีการติดตามผลการนำเนื้อหาของโครงการไปใช้ในโรงเรียนอย่างจริงจัง เพื่อสรรหาโรงเรียนที่ส่งเสริมการออกกำลังกาย และสุขภาพของเยาวชนดีเด่นในแต่ละปี และในปีนี้ได้ทำการคัดเลือกโรงเรียนที่ประสพความสำเร็จ ในการนำแนวคิดการเสริมสร้างพลานามัยและส่งเสริมโภชนาการที่ดี ไปปฏิบัติและขยายผลอย่างต่อเนื่องในโรงเรียนและชุมชน ขึ้นรับมอบเกียรติบัตร “โรงเรียนดีเด่นด้านการส่งเสริมการออกกำลังสำหรับเยาวชน” โดยมีโรงเรียนที่ได้รับการคัดเลือกเข้าสู่รอบสุดท้ายจำนวน 6 แห่งโดยแบ่งเป็นโรงเรียนขนาดเล็ก ที่มีนักเรียนน้อยกว่า 1,000 คน จำนวน 3 แห่ง ได้แก่ โรงเรียนบ้านใหม่วัฒนา โรงเรียนบ้านหนองงูเหลือม โรงเรียนวัดชัยพฤกษมาลา และโรงเรียนขนาดใหญ่ ที่มีนักเรียนมากกว่า 1,000 คน จำนวน 3 โรงเรียน ได้แก่ โรงเรียนพระยาประเสริฐสุนทราศรัย โรงเรียนวัดบางพลีใหญ่ใน และโรงเรียนประชาอุทิศ ซึ่งปรากฏว่าโรงเรียนที่ได้เลือกเป็น “โรงเรียนดีเด่นด้านการส่งเสริมการออกกำลังสำหรับเยาวชน” สำหรับโรงเรียนขนาดเล็ก ได้แก่ โรงเรียนบ้านใหม่วัฒนา และโรงเรียนขนาดใหญ่ ได้แก่ โรงเรียนพระยาประเสริฐสุนทราศรัย โดยโรงเรียนทั้ง 6 จะได้รับเกียรติบัตร จากกระทรวงสาธารณสุข นอกจากนี้คุณครูผู้ดูแลโครงการฯ ยังจะได้สิทธิเข้าอบรมกับโครงการเกี่ยวกับองค์ความรู้ใหม่ๆ เพื่อนำมาประยุกต์ใช้ในกิจกรรมสำหรับเด็กๆ ในปีหน้าอีกด้วย
นายแพทย์สมชาย ลี่ทองอิน ผู้อำนวยการกองออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า “โครงการเด็กไทยสดใส ร่วมใจออกกำลัง ถือว่าเป็นการคืนกำไรให้กับสังคม เพราะเยาวชนในชั้นประถมปีที่ 5-6 ถือเป็นช่วงอายุที่เหมาะสม ที่จะปลูกฝังทัศนคติ และจิตสำนึกที่ดีได้ เมื่อเริ่มตั้งแต่ช่วงวัยนี้ ก็จะเป็นพฤติกรรมปลูกฝัง ไปจนเติบโตเป็นผู้ใหญ่ เป็นโครงการที่ช่วยพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของประเทศ และเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติต่อไป การออกกำลังกาย เป็นเรื่องที่จะต้องทำตลอดชั่วชีวิต แม้วันนี้จะบรรลุเป้าหมายใดๆ ก็ตาม ทางด้านของกระทรวงสาธารณสุขเองก็มีการดำเนินการตามเป้าหมาย คนไทยแข็งแรง....เมืองไทยแข็งแรง ด้วยโครงการสุขภาพ 6 อ. คือ ออกกำลังกาย, อาหาร, อารมณ์, อนามัยสิ่งแวดล้อม, อโรคยา และอบายมุข และยังคงเน้นหนักในเรื่อง การส่งเสริมการออกกำลังกาย การรับประทานอาหารให้ถูกสุขอนามัย ถูกหลักโภชนาการ ไม่มีสารปนเปื้อน ในปี 2550 ทางกรมอนามัย จะให้ความรู้ ความเข้าใจ ในเรื่องกิจกรรมทางกายให้มากขึ้น การเคลื่อนไหวส่วนต่างๆ โดยใช้ แขน ขา ลำตัว ทุกประเภท ทุกเวลา และทุกโอกาส ที่ทำให้มีการใช้
พลังงานเพิ่มขึ้น อย่างน้อยประมาณ 150 กิโลแคลอรี่ต่อวัน จะช่วยลดความเสี่ยง ต่อการเกิดโรคเรื้อรังต่างๆ การออกกำลังกาย เป็นเพียงส่วนหนึ่งของกิจกรรมทางกาย กิจกรรมทางกาย จะเป็นการทำงานบ้าน การเดินทางไปทำงาน การเคลื่อนไหวขณะทำงาน ก็ได้ ปัญหาที่มีอยู่ทุกวันนี้ คือ คนไทยรักความสะดวกสบายมากขึ้น มีกิจกรรมทางกายน้อยลง”
นางสาวกนิษฐา พึ่งวร ผู้อำนวยการโครงการ “เด็กไทยสดใส ร่วมใจออกกำลัง” แห่งบริษัท โคคา—โคลา (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า “ในปัจจุบันมีนักเรียนจากทั่วประเทศเข้าร่วมโครงการเด็กไทยสดใส ร่วมใจออกกำลังแล้วกว่า 700,000 คน จากกว่า 1,200 โรงเรียน โดยคาดว่าสิ้นสุดปีการศึกษา 2550 จะมีนักเรียนเข้าร่วมโครงการฯ ไม่ต่ำกว่า 1 ล้านคน ซึ่งการคัดเลือก “โรงเรียนดีเด่นด้านการส่งเสริมการออกกำลังสำหรับเยาวชน” เพื่อเป็นการวัดผลการดำเนินกิจกรรมของโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการว่ามีความเข้าใจและให้ความสำคัญกับการออกกำลังมากขนาดไหน นอกจากนี้ยังนับเป็นการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ความรู้ระหว่างโรงเรียนในโครงการเพื่อนำกลับไปปฏิบัติ โดยรางวัลดังกล่าวนี้มีเกณฑ์ในการพิจารณาจาก 1) การดำเนินกิจกรรมที่ชัดเจน จริงจัง และต่อเนื่อง มีการนำความรู้ที่ได้จากการฝึกอบรม มาประยุกต์ใช้ได้อย่างเหมาะสม 2) การมีส่วนร่วมของนักเรียน ครู และผู้ปกครอง รวมทั้ง 3) นโยบายและการสนับสนุนของผู้บริหารสถานศึกษาที่มีต่อการส่งเสริม กิจกรรมการออกกำลังกาย และโภชนาการของเด็กนักเรียน
นางสาวกนิษฐากล่าวเพิ่มเติมว่า “โดยตลอด 4 ปีที่ผ่านมาทางโครงการฯ ได้มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงท่าเต้น ให้มีความทันสมัยอินเทรนด์มากขึ้น โดยเพิ่มท่าเต้นที่มีความสนุกสนาน สร้างความกระฉับกระเฉงมากยิ่งขึ้น เช่น สเต็ปการเดิน การก้าว กระโดด โดยในแต่ละท่าได้มีการตรวจสอบจากทางนักวิชาการ กระทรวงสาธารณสุข เพื่อการเจริญเติบโตและปลอดภัยต่อโครงสร้างร่างกายของเด็กในวัยนี้ และสำหรับปีการศึกษา 2550 นี้ ทางโครงการยังได้เตรียมองค์ความรู้ใหม่ๆ ซึ่งได้มีการศึกษามาแล้วจากเมืองนอก ถึงคุณประโยชน์ของการออกกำลังกายสะสม สิ่งเหล่านี้ที่เราจะนำมาอบรมครูเพื่อนำกลับไปถ่ายทอดสู่เด็กๆ ต่อไป”
พรเพ็ญ อรัณยะนาค นักวิชาการสาธารณสุข 7 ว. กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ที่มาร่วมงานด้วย ได้เปิดเผยว่า “สำหรับเนื้อหาของโครงการเด็กไทยสดใสฯ ในปีหน้านี้ ท่าเต้นสำหรับการออกกำลังกายจะมีท่าที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น และสามารถออกกำลังกายได้ทุกสัดส่วนในเวลาอันสั้น เพื่อปลูกฝังให้เด็กได้มีการเคลื่อนไหวร่างกายและยังเป็นการออกกำลังสะสม เพียงแค่เคลื่อนไหวร่างกายเล็กน้อย 5 — 10 นาที แต่ปฏิบัติทุกวัน จะช่วยในเรื่องการกระตุ้นไหลเวียนของเลือด และยังได้พัฒนาทางด้านร่างกาย อารมณ์ และการเข้าสังคมอีกด้วย จากงานวิจัยของต่างประเทศ ปัจจุบันรูปแบบการออกกำลังกายได้เปลี่ยนไป จากเดิมที่เน้นการออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง แต่เปลี่ยนมาเป็นการออกกำลังกายสะสมแทน จึงเป็นแนวคิดใหม่ที่สามารถปรับใช้กับชีวิตประจำวันในยุคที่ไม่ค่อยมีเวลาได้อีกด้วย”
อนึ่งวัตถุประสงค์ของโครงการ “เด็กไทยสดใส ร่วมใจออกกำลัง” สอดคล้องกับการปฏิรูปการศึกษาและเป้าหมายของกระทรวงศึกษาธิการที่ต้องการพัฒนาเยาวชนไทยให้มีความสมบูรณ์ทั้งด้านร่างกาย จิตใจ สติปัญญา และความรู้ โดยสิ้นปีการศึกษา 2550 คาดว่าจะมีเยาวชนเข้าร่วมโครงการจากทุกภาคทั่วประเทศจำนวน 1 ล้านคน
ยังไม่สายเกินไป ....... สำหรับโรงเรียนที่สนใจเข้าร่วมโครงการ “เด็กไทยสดใส ร่วมใจออกกำลัง” สามารถติดต่อ ศูนย์ประสานงานโครงการฯ ได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 0-2950-8216 วันจันทร์— ศุกร์ ระหว่างเวลา 08.30 — 17.00 น.
หากต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ บริษัท แม็กซิม่า คอนซัลแตนท์ จำกัด โทร.0-2434-8300 สุจินดา, แสงนภา, ภัควลัญชญ์
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net