GC มั่นใจปี 2550 ธุรกิจขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ตั้งเป้ารายได้ 3.8 พันลบ.โต 7-8% จากปี 2549 -วางแผนขยายฐานสู่สินค้าเกรดพิเศษ หวังดันกำไรให้เติบโตยิ่งขึ้น

อังคาร ๒๖ ธันวาคม ๒๐๐๖ ๑๑:๒๖
กรุงเทพฯ--26 ธ.ค.--โกลบอล คอนเน็คชั่นส์
"โกลบอล คอนเน็คชั่นส์" เปิดแผนงานปี 2550 จะมุ่งเน้นไปที่คุณภาพของการทำกำไรสุทธิให้เติบโตมากขึ้น โดยขยายฐานการจำหน่ายไปยังสินค้าเกรดพิเศษ วางเป้ายอดขายไว้ประมาณ 3,800 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโต 7-8% จากปีที่ผ่านมา พร้อมประเมินทิศทางดำเนินธุรกิจปี 2550 รับมือได้สบาย มั่นใจสามารถบริหารจัดการได้ดีเหมือนปี 2549 ซึ่งถือเป็นปีที่มีภาวะผันผวนอย่างมาก
นายสมชาย คุลีเมฆิน กรรมการผู้จัดการ บมจ. โกลบอล คอนเน็คชั่นส์ (GC) กล่าวถึงภาพรวมของธุรกิจบริษัทในปีที่ผ่านมาว่า บริษัทสามารถบรรลุเป้าหมายการเติบโตที่ได้ตั้งไว้ ประมาณ 8-12% ถึงแม้ภาพรวมของเศรษฐกิจจะประสบกับภาวะชะลอตัว อันเนื่องมาจากปัญหาความไม่แน่นอนทางการเมือง และรวมถึงปัญหา ภัยธรรรมชาติต่าง ๆ และในปี 2549 ซึ่งเป็นปีแรกที่บริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ถือเป็นประสบการณ์ที่นำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างกับองค์กร ทำให้องค์กรสามารถปรับตัว โดยเฉพาะการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารความเสี่ยงของกิจการได้เป็นอย่างดี กล่าวคือด้านอัตราแลกเปลี่ยน และการควบคุมคุณภาพสินเชื่อ รวมถึงสภาพคล่องที่บริษัทมีเพิ่มมากขึ้นจากการระดมเงินทุนผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ทำให้บริษัทสามารถลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานได้ โดยเฉพาะอัตราดอกเบี้ยในภาวะตลาดที่ดอกเบี้ยเป็นช่วงขาขึ้น และทั้งหมดส่งผลต่อผลประกอบการที่ดีขึ้นของบริษัท
"ในปี 2549 คาดว่าจะสามารถเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ 3,600 ล้านบาท จากการวางกลยุทธ์รักษาฐานลูกค้าในกลุ่ม Commodity Plastic ที่มีกำไรต่ำ แต่ความเสี่ยงสูง และขยายตลาดสินค้าเกรดพิเศษ ทั้งด้านสินค้าใหม่ลูกค้าใหม่ และขยายตลาดและยอดขายในสินค้าเดิม และลูกค้าเดิมของเกรดพิเศษ ซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นสูง และความเสี่ยงต่ำกว่า ทั้งนี้เป็นผลจากการฝึกอบรมเสริมความรู้ให้แก่เจ้าหน้าที่ในทุกแผนกทุกระดับ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่ซับซ้อน และต้องการระดับของบริการที่สูงขึ้นอย่างมาก"
สำหรับแผนงานในปี 2550 บริษัทมีนโยบายในการขยายตลาดไปยังสินค้าเกรดพิเศษ ซึ่งเป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง อาทิ อุตสาหกรรมรถยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ และ บรรจุภัณฑ์ เป็นต้น เนื่องจากจะทำให้บริษัทมีฐานกำไรขั้นต้นที่เพิ่มสูงขึ้น และความเสี่ยงอยู่ในระดับต่ำกว่ากลุ่ม Commodity plastic
"ในปี 2550 บริษัทวางเป้าหมายรายได้ไว้ที่ 3,800 ล้านบาท เติบโตประมาณ 7-8% ซึ่งจะเห็นว่าบริษัท มิได้เน้นการเติบโตทางด้านยอดขายมากนัก แต่จะมุ่งเน้นคุณภาพรวมของกำไรสุทธิให้มีการเติบโตมากขึ้น จากการขยายฐานการจำหน่ายไปยังสินค้าเกรดพิเศษมากขึ้น"
สำหรับทิศทางอุตสาหกรรมพลาสติก และปิโตรเคมี นายสมชาย คุลีเมฆินคาดว่ายังมีอัตราเติบโต 1.5-2.0 เท่าของ GDP จากปัจจัยเสริมของการเติบโตด้านอุปสงค์ของอุตสาหกรรมต่อเนื่อง โดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์ และบรรจุภัณฑ์ ส่วนอุปทานก็ขยายตัวอย่างมากจากโครงการต่อเนื่องต่าง ๆ ของกลุ่ม ปตท.และกลุ่มของปูนซีเมนต์ไทย และทิศทางของราคาสินค้าวัตถุดิบปิโตรเคมี จะแปรผันตามราคาน้ำมัน ถึงแม้ในช่วงปลายปีที่ผ่านมา ราคาน้ำมันในตลาดโลกได้ปรับตัวลดลงต่อเนื่องมาระดับหนึ่งจากประมาณ 70 เหรียญสหรัฐฯต่อบาเรล ลงมาอยู่ที่ระดับประมาณ 56-60 เหรียญสหรัฐฯต่อบาเรล อย่างไรก็ดี ประเทศผู้ผลิตน้ำมันมีแผนที่จะลดกำลังการผลิต ซึ่งจะส่งผลให้ราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้นตามไปด้วย และด้วยเหตุผลนี้จึงคาดว่าราคาสินค้าวัตถุดิบปิโตรเคมีน่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นกัน คาดว่าราคาในปี 2550 คงเคลื่อนไหวไม่ผันผวนเหมือนปี 2549
ส่วนการแข่งขันในปี 2550 คาดว่าจะเป็นลักษณะของการแข่งขันด้านบริการมากกว่าการตัดราคา เนื่องจากเป็นธุรกิจที่มีกำไรขั้นต้นต่ำมากอยู่แล้ว จึงไม่เหลือช่องว่างให้สามารถแข่งขันโดยการตัดราคา และสินค้าพลาสติก ในปี 2550 ก็ยังคงอยู่ในภาวะค่อนข้างสมดุลในด้านอุปสงค์ และอุปทาน ตลาดจะเริ่มมีอุปทานมากกว่าอุปสงค์ในช่วงปลายปี 2551 และ 2552 เป็นต้นไป และเมื่อถึงจุดนั้น ราคาเม็ดพลาสติก จะปรับตัวลงค่อนข้างมาก
สำหรับ GC มีจุดเด่นอยู่ที่การเป็นผู้แทนจำหน่ายสินค้าจากผู้ผลิตชั้นนำทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ทำให้บริษัทมีสินค้าที่หลากหลาย ทั้งสินค้าในกลุ่ม commodity และสินค้าเกรดพิเศษ และบริษัทสามารถสนองตอบความต้องการวัตถุดิบของลูกค้าซึ่งเป็นผู้ผลิตในอุตสาหกรรมที่หลากหลาย นอกจากนี้บริษัทยังได้รับการถ่ายทอดความรู้จากผู้ผลิต ทำให้ทีมงานฝ่ายการตลาดสามารถช่วยเหลือลูกค้าในการพัฒนาคุณภาพสินค้า และรวมถึงการแก้ไขปัญหาจากการผลิตให้ลูกค้า ทำให้ลูกค้าสามารถลดต้นทุนการผลิตได้
นอกจากนี้อีกประเด็นที่ถือเป็นจุดเด่นของ GC คือได้ร่วมมือกับสถาบันการเงินหลักที่ให้การสนับสนุนบริษัทในการช่วยแก้ปัญหา และเสริมสภาพคล่องทางการเงินให้ลูกค้าสามารถดำเนินงาน และขยายงานได้ในภาวะที่สถาบันการเงินเข้มงวดเรื่องสินเชื่อเป็นอย่างมาก ด้วยคุณสมบัติดังกล่าว เป็นจุดแข็งสำคัญในงานบริการที่บริษัทมีให้กับลูกค้า ในลักษณะ Total Solutions and Service Provider มากกว่าที่จะเป็นเพียง Raw material Supplier เท่านั้น ทำให้เชื่อมั่นว่าสามารถที่จะแข่งขันกับคู่แข่งได้โดยไม่มีปัญหา
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม :
คุณณัฐพงษ์ ใจแกล้ว 081-4010226

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๒ พ.ย. รีเลชั่นชิพรีพับบลิค แนะกลยุทธ์สำคัญ นำพาธุรกิจร้านอาหารสู่ความสำเร็จ มัดใจลูกค้าให้อยู่หมัด
๒๒ พ.ย. ชมนวัตกรรมสุดล้ำในงาน METALEX 2024 หลายแบรนด์แกะกล่องเครื่องจักรครั้งแรกในงานนี้
๒๒ พ.ย. Bangkok Illustration Fair 2024 สู่การเติบโตก้าวใหญ่ในปีที่ 4
๒๒ พ.ย. ผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลโดย IMD ประจำปี 2567 TMA เผยไทยครองอันดับ 37 ในการจัดอันดับด้านดิจิทัลปีนี้
๒๒ พ.ย. โก โฮลเซลล์ จัดเต็มสินค้า ส่งสุข สุดอร่อย เฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปี เข้มกระเช้าปีใหม่ดีมีมาตรฐาน พร้อมชู อาหารแช่แข็ง-อาหารสด
๒๒ พ.ย. กทม. จับมือสถานทูตเนเธอร์แลนด์ ประจำประเทศไทย จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ ACTIVE Workshop เมืองเดินเท้า และจักรยานสัญจร ครั้งที่
๒๒ พ.ย. สัมผัสความหรูหราของวิลล่าริมทะเล VEYLA NATAI RESIDENCES ผ่านประสบการณ์เหนือระดับในงาน SOUL of VEYLA
๒๒ พ.ย. 'แอสเซทไวส์' จับมือ 'สยามกีฬา' เปิดศึกลูกหนังยุวชนทัวร์นาเมนต์ใหญ่แห่งปี AssetWise Siamkeela Cup 2024-25 ต่อเนื่องเป็นปีที่
๒๒ พ.ย. โรงแรมเรเนซองส์ เปิดตัว R FINDS แพลตฟอร์มดิจิทัลระดับโลก ที่จะเชื่อมมนต์เสน่ห์ชุมชนท้องถิ่นสู่นักเดินทางทั่วโลก
๒๒ พ.ย. electric.neon.lamp หยิบเพลงฮิต แม้ ใส่ฟีลดนตรีเหงาปนเศร้าในแบบ Piano Version