ทริสเรทติ้งจัดอันดับหุ้นกู้ไม่มีประกันชุดใหม่ “สยามพาณิชย์ลีสซิ่ง” “A-/Stable”

ศุกร์ ๒๗ มกราคม ๒๐๐๖ ๐๘:๔๙
กรุงเทพฯ--27 ม.ค.--ทริสเรทติ้ง
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ยืนยันผลการทบทวนอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท สยามพาณิชย์ลีสซิ่ง จำกัด (มหาชน) รวมทั้งอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกันและตั๋วแลกเงินในปัจจุบันของบริษัทในระดับเดิมที่ “A-” ในขณะเดียวกันได้จัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกัน 2 ชุดของบริษัทในวงเงินรวมไม่เกิน 800 ล้านบาทที่ระดับ “A-” พร้อมทั้งคงแนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” โดยบริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ไปใช้ขยายธุรกิจ อันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนถึงสถานะที่แข็งแกร่งของบริษัทในตลาดเช่าซื้อรถยนต์และประสบการณ์ของคณะผู้บริหาร อย่างไรก็ตาม จุดแข็งดังกล่าวถูกลดทอนจากการแข่งขันที่รุนแรงในอุตสาหกรรมเช่าซื้อทั้งรถยนต์ใหม่และรถยนต์เก่า รวมทั้งต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้นจากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ความไม่แน่นอนในสภาวะเศรษฐกิจและราคาน้ำมันที่ทรงตัวในระดับสูงจะส่งผลกระทบด้านลบต่อความต้องการเช่าซื้อรถยนต์
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความสามารถในการดำรงสถานะที่แข็งแกร่งของบริษัทในตลาดและสามารถรักษาระดับการขยายตัวของสินเชื่อต่อไปได้ตามความคาดหมายของทริสเรทติ้ง นอกจากนี้ ยังคาดว่าบริษัทจะยังคงรักษาความสามารถในการทำกำไรและคุณภาพสินทรัพย์ให้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้แม้สถานการณ์เศรษฐกิจจะชะลอตัวลงจากผลกระทบด้านลบต่างๆ
ทริสเรทติ้งรายงานว่า สินเชื่อรวมของบริษัทสยามพาณิชย์ลีสซิ่งเพิ่มขึ้น 12.2% ณ สิ้นเดือนกันยายน 2548 โดยเพิ่มจาก 37,341 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2547 เป็น 41,890 ล้านบาท รายได้ดอกเบี้ยสุทธิของบริษัทสำหรับ 9 เดือนแรกของปี 2548 อยู่ที่ 1,540 ล้านบาท โดยเพิ่มขึ้น 4.8% จาก 1,469 ล้านบาทในช่วงเวลาเดียวกันของปี 2547 แม้ว่ารายได้ดอกเบี้ยสุทธิจะเพิ่มขึ้น แต่กำไรสุทธิของบริษัทลดลง 2.0% เนื่องจากค่าใช้จ่ายดำเนินงานเพิ่มขึ้น 30.5% อัตราส่วนค่าใช้จ่ายดำเนินงานต่อรายได้รวมเพิ่มขึ้นจาก 17.8% ในปี 2546 เป็น 20.7% ในปี 2547 และ 21.3% ณ สิ้นเดือนกันยายน 2548 ตั้งแต่ปี 2546 การเติบโตของสินเชื่อของบริษัทส่วนใหญ่เกิดจากการกู้ยืมใหม่ซึ่งส่งผลให้อัตราส่วนของหนี้สินเพิ่มขึ้น อัตราส่วนของส่วนของผู้ถือหุ้นต่อสินทรัพย์รวมของบริษัทลดลงจาก 20.6% ในปี 2545 เป็น 17.0% ในปี 2546 เป็น 15.8% ในปี 2547 และเป็น 14.3% ณ สิ้นเดือนกันยายน 2548 ในปี 2549 บริษัทมีแผนจะลดสัดส่วนของหนี้สินลงด้วยการแปลงสินทรัพย์ให้เป็นหลักทรัพย์ซึ่งจะช่วยให้โครงสร้างเงินทุนของบริษัทดีขึ้น
บริษัทไม่สามารถปัดภาระต้นทุนดอกเบี้ยที่เพิ่มสูงขึ้นไปยังลูกค้าได้ทั้งหมดเนื่องจากการแข่งขันในตลาดเช่าซื้อรถยนต์ใหม่ยังคงอยู่ในระดับสูง อัตราดอกเบี้ยที่คิดจากลูกค้าเช่าซื้อที่ไม่ได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเหมือนต้นทุนจากการจัดหาเงินทุนได้ส่งผลให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยลดลง ผู้ประกอบการรายใหญ่ซึ่งรวมทั้งบริษัทจึงได้หันไปเพิ่มการให้สินเชื่อสำหรับรถยนต์เก่าซึ่งให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าและสามารถดำรงส่วนต่างระหว่างอัตราดอกเบี้ยรับและดอกเบี้ยจ่ายไม่ให้ลดลง อย่างไรก็ตาม สินเชื่อสำหรับรถยนต์เก่าที่เพิ่มขึ้นอาจส่งผลกระทบต่อบริษัททั้งในส่วนของคุณภาพสินทรัพย์โดยรวม เงินสำรองสำหรับหนี้สงสัยจะสูญ และความสามารถในการทำกำไร ทริสเรทติ้งกล่าว--จบ--

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๓:๕๑ BLA กวาดกำไรปี 67 รวม 3,623 ล้านบาท โตพุ่ง 42% เคาะจ่ายปันผลปี 2567 หุ้นละ 0.68 บาท รวม 1,159 ล้านบาท
๑๓:๒๓ TIDC จับมือ G42 ยกระดับโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของไทย พร้อมเสริมศักยภาพ AI
๑๓:๔๓ WPH ฟอร์มสวย! โชว์รายได้ปี67 ทะลุ 2,000 ลบ.โตขึ้น 39% กำไรแตะ 283 ลบ.เพิ่มขึ้น 198%
๑๓:๓๓ บลจ. ไทยพาณิชย์ ประเดิมกองทุนสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ พร้อม IPO กองทุนแรก SCBSBUSD6M1 เปิดเสนอขาย 24 ก.พ. 68 - 3 มี.ค. 68
๑๓:๐๓ ท่าเรือประจวบ จัดงาน Town Hall 2025 ชูแผนธุรกิจ มุ่งสู่ Blue Port
๑๓:๔๗ Kan Grooves จิ๋วแต่แจ๋ว เดี่ยวกลองสุดมันส์ พร้อมทัพนักดนตรีมากความสามารถอีกเพียบ
๑๓:๐๘ บีทูเอส Pokemon PLAY LAB Fun Fest by B2S ครั้งแรกในไทย ครบครันที่สุด สำหรับคนรักโปเกมอน
๑๓:๐๗ กรุงไทยร่วมกับ มหามกุฎราชวิทยาลัย ยกระดับการศึกษายุคดิจิทัลผ่าน Krungthai Campus Application
๑๓:๐๓ SPCG ประกาศกำไรสุทธิปี 67 ที่ 746.8 ล้านบาท เตรียมจ่ายปันผลครึ่งปีหลัง 0.70 บาทต่อหุ้น สะท้อนฐานะการเงินแข็งแกร่ง
๑๓:๔๖ BEM NEW HORIZONS สร้างโอกาสอย่างยั่งยืน บ่มเพาะเมล็ดพันธุ์แห่งอนาคตให้เติบโตอย่างมีคุณภาพ