กรุงเทพฯ--11 พ.ค.--124 คอมมิวนิเคชั่นส
โทนี่แอนด์กาย สถาบันออกแบบทรงผมมาตรฐานสูงสุดระดับโลก จากประเทศอังกฤษ ผุดโปรเจ็ค “ANOTHER ME” (อนาเตอร์ มี) คัด 15 หนุ่ม-สาวไทย เป็นตัวแทนประเทศไทยไปร่วมประกวดเป็นนายแบบและนางแบบของโทนี่แอนด์กายที่อังกฤษ ตอกย้ำภาพลักษณ์แบรนด์โทนี่แอนด์กายเป็นแฮร์ซาลอนระดับซูเปอร์ไฮเอ็นในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง เผยใช้กลยุทธ์ความเป็นเอ็กคลูซีฟเปิดโทนี่แอนด์กายเพียงสาขาเดียวในประเทศไทย
ดร.ศิริฉัตร ฉัตรแก้ว ผู้อำนวยการ สถาบัน โทนี่แอนด์กาย (ประเทศไทย) เผยถึงที่มาของโปรเจ็ค “ANOTHER ME” ว่า โปรเจ็ค ANOTHER ME เกิดจากแรงบันดาลใจที่การนำปรัชญาของโทนี่แอนด์กายที่ว่า “...แต่ละคนย่อมมีบุคลิกเฉพาะแบบของตนเอง...จึงควรมีทรงผมเฉพาะของตนเองเช่นกัน” มากลั่นกรองจนได้เป็นคอนเซ็ปต์ใหญ่ของแฮร์แม็กกาซีนฉบับแรกจาก TONI&GUY (ประเทศไทย) โดยใช้ชื่อเดียวกับคอนเซ็ปต์ว่า ANOTHER ME Magazine 2006 “พบคุณ...คนใหม่”
โดยในเบื้องต้นได้ทำการเปิดรับสมัครบุคคลทั่วไปซึ่งได้รับความสนใจจนมีผู้สมัครกว่าพันคน แล้วทำการคัดเลือกจนเหลือ 50 คนสุดท้ายที่มีบุคลิกโดดเด่น หลากหลาย พร้อมถูกแปลงโฉมโดยทีมงาน TONI&GUY เพื่อรับหน้าที่เป็นนายแบบและนางแบบในแม็กกาซีนดังกล่าว ก่อนจะถูกคัดเลือกเหลือ 15 คนสุดท้าย เพื่อเป็นภาพถ่ายไปแข่งขันกับนายแบบและนางแบบจากโทนี่แอนด์กายกว่า 400 สาขาทั่วโลก ณ TONI&GUY กรุงลอนดอน เพื่อทำการคัดเลือกเป็นนายแบบและนางแบบใน TONI&GUY Magazine ที่จะถูกวางจำหน่ายทั่วโลกในลำดับต่อไป
“แคมเปญ Another Me เป็นกิจกรรมหนึ่งที่จะสื่อถึงเอกลักษณ์ของโทนี่แอนด์กาย ที่เน้นความเอ็กคลูซีฟ ซึ่งเอ็กคลูซีฟในที่นี้ไม่ได้หมายถึงราคาที่แพง แต่หมายถึงการที่ลูกค้าจะได้รับการดูแล เอาใจใส่ ให้คำแนะนำจากทีมงานผู้มีความเชี่ยวชาญจากโทนี่แอนด์กาย เพื่อให้ลูกค้าแต่ละคนได้รับการออกแบบทรงผมที่เหมาะกับตัวเองที่สุด” ดร. ศิริฉัตร กล่าวเสริม
โทนี่แอนด์กาย เป็นสถาบันออกแบบทรงผม มีต้นกำเนิดที่ประเทศอังกฤษ มากว่า 40 ปี และประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูง จนได้รับการยอมรับว่าเป็นสถาบันออกแบบทรงผมที่มีมาตรฐานสูงสุดระดับโลก และต่อมาได้พัฒนาเป็นระบบเฟรนไชส์ ปัจจุบันมีทั้งหมด 400 สาขาทั่วโลก มี 200 สาขาในอังกฤษ และอีกกว่า 200 สาขาทั่วโลก เช่น อเมริกา ฝรั่งเศส ออสเตรเลีย เยอรมัน ญี่ปุ่น ฮ่องกง และสิงคโปร์ โดยผู้ที่จะซื้อสิทธิเฟรนไชน์ต้องได้รับการฝึกฝน และทำงานในสถาบันโทนี่แอนด์กาย ณ กรุงลอนดอน อย่างน้อย 2 ปีจึงสามารถรับสิทธิ์บริหารเฟรนไชส์โทนี่แอนด์กายได้ ทั้งนี้เพื่อควบคุมมาตรฐานของโทนี่แอนด์กาย ให้เท่าเทียมกันทั่วโลก
ดร.ศิริฉัตร กล่าวเพิ่มเติมว่า “โทนี่แอนด์กายได้วางตำแหน่งไว้อย่างชัดเจนในฐานะแฮร์ซาลอนระดับซูเปอร์ไฮเอ็นของประเทศไทย ซึ่งปัจจุบันกลุ่มลูกค้าหลักของร้านจะเป็นกลุ่ม เอบวก — เอ โดยมักจะเป็นคนมีชื่อเสียงอยู่ในแวดวงสังคมต่างๆ อีกทั้งลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นคนต่างชาติที่รู้จักแบรนด์โทนี่แอนด์กายเป็นอย่างดี โดยได้มีการกำหนดกลยุทธ์ชัดเจนตั้งแต่เริ่มต้นว่าจะไม่มีการเพิ่มสาขาของโทนี่แอนด์กายในประเทศไทย ทั้งนี้เพื่อคงมาตรฐานและรักษาความเป็นแบรนด์ระดับโลกของโทนี่แอนด์กาย รวมถึงการรักษามาตรฐานและความโดดเด่นของความสร้างสรรค์ประเทศไทย”
“อย่างไรก็ตาม เรายังเห็นโอกาสในตลาดผมในประเทศไทยว่ายังมีพื้นที่ให้เราเข้ามาทำตลาดอีกมาก เพราะยังไม่มีร้านทำผมที่เป็นเชนจากแบรนด์ระดับโลก ดังนั้นเราจึงนำ เอสเซนเชียล (Essensial) ซึ่งเป็นแบรนด์ลูกของโทนี่แอนด์กาย มายังเมืองไทย เพื่อเปิดโอกาสให้คนไทยได้มีโอกาสทำผมจากช่างของโทนี่ แอนด์กาย โดยแบรนด์เอสเซนเชียวจะจับกลุ่มตลาดรองลงมา คือ กลุ่มวัยรุ่นและวัยทำงานที่มีความพิถีพิถันและให้ความสำคัญกับภาพลักษณ์ของตน โดยปัจจุบันมีทั้งหมด 2 สาขา คือ มาบุญครอง, ภูเก็ต ซึ่งเรามีแผนที่จะขยายเป็น 10 สาขา ภายใน 5 ปีนี้ เพราะเราอยากควบคุมคุณภาพให้ได้มาตรฐานมากที่สุด” ดร.ศิริฉัตรกล่าวในท้าย
โทนี่แอนด์กาย ประเทศไทย ก่อตั้งโดย ดร. ศิริฉัตร ฉัตรแก้ว คนไทยรายแรกและรายเดียวที่ได้รับสิทธิ์เปิดร้านโทนี่แอนด์กาย ในประเทศไทย โดยได้เปิดร้านโทนี่แอนด์กาย สาขาแรก ที่ชั้น G สยามดิสคัฟเวอรี่เซ็นเตอร์ ในปี 2545 ซึ่ง ดร. ศิริฉัตร ได้รักษามาตรฐานในการทำผมและในการบริการลูกค้าตามฉบับโทนี่ แอนด์กาย ประเทศอังกฤษอย่างเคร่งครัด ทำให้โทนี่แอนด์กาย ประเทศไทย ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งได้รับความไว้วางใจในการดูแลทรงผมให้กับงานระดับชาติต่างๆ อาทิ งานประกวดมิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์ส, งานเอ็มทีวี เอเชีย อวอร์ด 2006 เป็นต้น
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ
ชัยวัฒน์ สิมะวัฒนา / พรพรรณ ฉวีวรรณ
บริษัท 124 คอมมิวนิเคชั่นส จำกัด (มหาชน)
โทร 0-2662-2266 / 06-5513-403
www.124comm.com