กสิกรไทยพัฒนารหัส 2 ชั้น ครั้งแรกในไทย เพิ่มความมั่นใจทำธุรกรรมการเงินผ่าน K-Cyber Banking

กรุงเทพฯ--2 ก.พ.--กสิกรไทย
นายประยุทธ ตัณฑ์ศรีสุวรรณ ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส ฝ่ายธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์พาณิชย์และบุคคลธนกิจ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ปัจจุบันลูกค้าสนใจทำธุรกรรมทางการเงินผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ แบงกิ้งมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะบริการ K-Cyber Banking ซึ่งเป็นบริการธนาคารทางอินเทอร์เน็ตที่ลูกค้าจะได้รับความสะดวกรวดเร็วในการใช้บริการ โดยลูกค้าไม่ต้องเดินทางไปทำธุรกรรมที่สาขาของธนาคาร
ดังนั้น ธนาคารจึงได้มีการพัฒนาระบบรักษาความปลอดภัยของบริการ K-Cyber Banking เพื่อให้ลูกค้าสามารถทำธุรกรรมทางการเงินได้อย่างมั่นใจ โดยได้นำเทคโนโลยี Two-Factor Authentication หรือระบบความปลอดภัย 2 ชั้นมาใช้เป็นธนาคารแรก และเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ซึ่งระบบความปลอดภัย 2 ชั้น นับเป็นการปฏิวัติประสิทธิภาพในด้านความปลอดภัยของการทำธุรกรรมผ่านอินเทอร์เน็ตให้อยู่ระดับสูงสุด
ทั้งนี้เมื่อลูกค้าที่เป็นสมาชิก K-Cyber Banking ที่ได้แจ้งความจำนงในการใช้ระบบ Two-Factor Authentication จะทำธุรกรรมด้านการเงินผ่าน K-Cyber Banking เช่น การโอนเงิน การชำระเงิน ระบบจะส่งรหัสผ่านแบบใช้ครั้งเดียว One-Time Password (OTP) ทาง SMS ผ่านโทรศัพท์มือถือของลูกค้าหรืออีเมล์ส่วนตัวตามที่ลงทะเบียนแจ้งไว้กับธนาคาร ซึ่งรหัสดังกล่าวจะสามารถใช้ได้เพียงครั้งเดียว (Dynamic Password) เท่านั้น เมื่อทำธุรกรรมครั้งต่อไประบบจะสุ่มรหัสใหม่ขึ้นมาให้ทุกครั้ง
สำหรับลูกค้า K-Cyber Banking ของธนาคารที่ต้องการใช้ระบบ Two-Factor Authentication สามารถสมัครได้ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2549 โดยการดาวน์โหลดแบบฟอร์มสมัครใช้บริการแล้วส่งแฟกซ์มาที่ 0 2470 1853 และ ตั้งแต่วันที่ 15 กุมภาพันธ์เป็นต้นไป ลูกค้ายังสามารถสมัครผ่านระบบออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ของธนาคาร www.kasikornbank.com หรือ สมัครผ่าน K-Contact Center 0 2888 8888 ได้อีกด้วย
นายประยุทธ กล่าวว่า การนำระบบ Two-Factor Authentication มาใช้นับเป็นการบุกเบิกเทคโนโลยีการรักษาความปลอดภัยในการทำธุรกิจทางอินเทอร์เน็ตของประเทศไทย ซึ่งธนาคารเชื่อว่าระบบ ดังกล่าวจะเป็นมาตรฐานที่สถาบันการเงิน และองค์กรอื่นๆ ที่ต้องทำธุรกรรมด้านการเงินหรือธุรกรรมที่มีความสำคัญนำมาใช้ต่อไป
ณ สิ้นปี 2548 ธนาคารมีลูกค้า K-Cyber Banking ประมาณ 50,000 ราย เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2547 ประมาณ 90% ขณะที่รายได้จากการให้บริการเพิ่มประมาณ 150%--จบ--