กรุงเทพฯ--23 ม.ค.--ไทยออยล์
บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) สามารถชำระคืนเงินกู้วงเงินหมุนเวียนก่อนกำหนด จำนวน 100 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จากจำนวนเงินกู้ 150 ล้านเหรียญสหรัฐ ตามสัญญาวงเงินกู้หมุนเวียน และยังประสบความสำเร็จในการเจรจาปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ในประเทศของบริษัทผลิตไฟฟ้าอิสระ (ประเทศไทย) จำกัด (IPT) ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยได้ประมาณ 135 ล้านบาทต่อปี
ดร.วิโรจน์ มาวิจักขณ์ กรรมการอำนวยการ บมจ.ไทยออยล์ เปิดเผยว่า “ ในปัจจุบัน บริษัทฯ มีสภาพคล่องทางการเงินสูง จึงได้ดำเนินการชำระหนี้เงินกู้หมุนเวียนตามสัญญาวงเงินกู้หมุนเวียน หรือ USD Revolving Credit Facility Agreement คืนให้กับธนาคารผู้ให้กู้เป็นจำนวน100 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จากจำนวนเงินกู้ 150 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2549 เพื่อความคล่องตัวในการบริหารเงินให้เกิดประโยชน์และมีประสิทธิภาพสูงสุด ช่วยลดดอกเบี้ยจ่ายของวงเงินกู้หมุนเวียน ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ย ลอยตัว โดยปัจจุบันอยู่ที่ประมาณร้อยละ 5 ต่อปี ”
สัญญาเงินกู้หมุนเวียนดังกล่าว กำหนดวงเงินกู้ไว้ 200 ล้านเหรียญสหรัฐฯ อายุสัญญา 5 ปี ซึ่งจะสิ้นสุดในเดือนมิถุนายน 2553 บริษัทฯ สามารถคืนเงินกู้และเบิกใช้ได้อีกเมื่อมีความต้องการ ภายในวงเงินกู้ดังกล่าว
สำหรับ IPT ซึ่งเป็นบริษัทในเครือไทยออยล์นั้น กรรมการอำนวยการ กล่าวต่อไปว่า “ IPT มีผลประกอบการดีขึ้นในปี 2548 และหน่วยผลิตเดินเครื่องได้เต็มกำลังการผลิตอย่างมีเสถียรภาพ จนเป็นที่ยอมรับของสถาบันเจ้าหนี้ จึงเป็นโอกาสให้ IPT เจรจาปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ในประเทศ ตามสัญญาเงินกู้ระยะยาวกับสถาบันการเงินได้สำเร็จ มีผลตั้งแต่วันที่ 24 พฤศจิกายน 2548 โดยสามารถปรับลดอัตราดอกเบี้ยได้ร้อยละ 1.125 ถึง 1.25 ต่อปี ส่งผลให้ IPT สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยเป็นเงินประมาณ 135 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันอายุสัญญาดังกล่าวเหลือประมาณ 8 ปี ”
นอกจากนั้น เมื่อวันที่ 11 มกราคม ที่ผ่านมา นิตยสารยูโรมันนี่ ซึ่งเป็นนิตยสารที่ได้รับความเชื่อถือมากที่สุดฉบับหนึ่งทางด้านการเงินและการลงทุน ได้ประกาศให้ไทยออยล์ได้รับการจัดอันดับเป็น บริษัทจดทะเบียนที่ดีที่สุดในเอเชีย สำหรับปี 2548 (Best Newly Listed Company in Asia) และเป็นองค์กรที่มีการพัฒนาสูงสุดเป็นอันดับ 6 ของเอเชีย สำหรับปี 2548 (Most Improved Companies in Asia — 6th Ranking) โดยประเมินจากการจัดอันดับของนักวิเคราะห์ตลาดของกลุ่มธนาคารและสถาบันการวิจัยชั้นนำในเอเชียรวม 67 สถาบัน ซึ่งทำการประเมินบริษัทจดทะเบียนในเอเชีย จำนวนถึง 368 บริษัท
“ รางวัลที่ได้รับในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความมั่นใจของนักลงทุนต่อทิศทางการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ซึ่งโครงการขยายกำลังการผลิตของบริษัทฯ และบริษัทในเครือ ได้แก่ การขยายกำลังการกลั่นหน่วยกลั่นที่ 3 อีก 50,000 บาร์เรล/วัน, โครงการขยายกำลังการผลิตพาราไซลีน จาก 348,000 ตัน/ปี เป็นสารอะโรเมติกส์ 853,000 ตัน/ปี ตลอดจนโครงการผลิตเชื้อเพลิงเอทานอลจากมันสำปะหลัง กำลังคืบหน้าเป็นไปตามแผนซึ่งหากโครงการต่างๆ แล้วเสร็จก็จะช่วยเสริมทัพให้ไทยออยล์แข็งแกร่ง เพิ่มเสถียรภาพในด้านรายได้และผลกำไรยิ่งขึ้น” ดร.วิโรจน์ มาวิจักขณ์ กล่าวในที่สุด
นับเป็นปีที่ 2 ที่ไทยออยล์ได้รับรางวัลจากนิตยสารยูโรมันนี่ โดยก่อนหน้านี้บริษัทฯ ได้รับรางวัล Best Equity Deal in Asia ประจำปี 2547 จากการที่ IPO ของบริษัทฯ ได้รับความไว้วางใจจากนักลงทุนในภูมิภาคเอเชียอย่างสูงเมื่อเทียบกับ IPO ของบริษัทอื่นๆ ในภูมิภาคฯ และสามารถนำชื่อเสียงมาให้ประเทศ
บมจ.ไทยออยล์ เป็นผู้ประกอบธุรกิจการกลั่นและจำหน่ายน้ำมันปิโตรเลียมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ก่อตั้งขึ้นในปี 2504 ในปัจจุบันมีกำลังการผลิตน้ำมันปิโตรเลียม 235,000 บาร์เรล/วัน เข้าจดทะเบียนเป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในปี 2547 ภายใต้ชื่อ TOP--จบ--