บังกาลอร์, อินเดีย--30 มิ.ย.--พีอาร์นิวส์ไวร์-เอเชียเน็ท/อินโฟเควสท์
บริษัทจีอี เฮลธ์แคร์ (GE Healthcare) ในเครือบริษัทเจเนอรัล อิเล็คทริค (General Electric Company : NYSE - GE) ประกาศในวันนี้ว่า บริษัทได้เปิดศูนย์ IDC (Intergrated Development Center) แห่งแรกที่โรงพยาบาลมานิพัล เมืองบังกาลอร์ ประเทศอินเดีย
ทั้งนี้ คาดว่าศูนย์ IDC ในเมืองบังกาลอร์จะทำการสแกนได้ประมาณ 1,000 กรณีต่อปี ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการทดลองทางการแพทย์ที่ได้มีการวางแผนไว้ และจะเป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาวิจัยทางการแพทย์ข้ามชาติในสหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป และประเทศอื่นๆอีกหลายประเทศ นอกจากนี้ จีอี เฮลธ์แคร์จะสร้างศูนย์ IDC ในพื้นที่สำคัญทางยุทธศาสตร์อีกหลายแห่งทั่วโลก
ข้อมูลที่ได้รับจากศูนย์แห่งนี้จะถูกนำไปรวมกับข้อมูลจากศูนย์อื่นๆทั่วโลก และนำไปพัฒนาสารที่ใช้ในการแยก (contrast agent) และสารแสดงสภาพโมเลกุล (molecular imaging agent) แบบใหม่ หรือตัวบ่งชี้แบบใหม่สำหรับสารที่ใชัอยู่ในปัจจุบัน
การศึกษาครั้งแรกจะมุ่งเน้นเกี่ยวกับ Visipaque (iodixanol ) ซึ่งเป็นสารแยก isosmolar ซึ่งจีอี เฮลธ์แคร์ได้นำออกจำหน่ายทั่วโลกในปี 2539 ปัจจุบันนี้ ได้มีการนำ Visipaque มาใช้ในขั้นตอนการเอ็กซเรย์และคอมพิวเตอร์ โทโมกราฟฟี (computer tomography) ส่วนสารที่ใช้ในการแยกได้มีการนำไปใช้ในระหว่างการวินิจฉัยทางการแพทย์เพื่อยกระดับการแสดงภาพเนื้อเยื่อและอวัยวะ การศึกษาในครั้งต่อไปจะครอบคลุมถึงบันทึกการแสดงภาพด้านการวินิจฉัยทั้งหมดของบริษัท
ภายใต้เงื่อนไขของความร่วมมือนั้น คณะแพทย์ที่โรงพยาบาลมานิพัลจะทำหน้าที่เป็นผู้ตรวจสอบการศึกษา และจัดหาการบริการและการแสดงภาพ และบริหารจัดการในโรงพยาบาล
ศูนย์ IDC ที่เมืองบังกาลอร์จะมีบทบาทสำคัญในโครงการวิจัยทางการแพทย์ทั่วโลกที่กำลังดำเนินการอยู่ของจีอี เฮลธ์แคร์ และสนับสนุนวิสัยทัศน์ "Early Health" ด้วยการช่วยนำสารแสดงภาพด้านการวินิฉัยแบบเข้าสู่ตลาด และทำงานเพื่อแก้ไขภาวะการตอบสนองความจำเป็นทางการแพทย์ไม่เพียงพอในด้านเนื้องอกวิทยา ประสาทวิทยา และหัวใจวิทยา
พร้อมกันนี้ ความร่วมมือระหว่างจีอี เฮลธ์แคร์ และโรงพยาบาลมานิพัล จะให้ประโยชน์กับผู้ป่วยในท้องถิ่นในหลายๆด้าน โดยเฉพาะยิ่ง การลงทุนในด้านการแสดงภาพโครงสร้างจะช่วยเพิ่มการเข้าถึงเทคโนโลยีการวินิจฉัยทางการแพทย์ที่ทันสมัยที่สุดเท่าที่มีอยู่ในเวลานี้
โรงพยาบาลมานิพัลจะดำเนินการทดลองด้านการวิจัยทางการแพทย์โดยใช้เทคโนโลยีการแสดงภาพเพื่อการวินิจฉัยทางการแพทย์ที่สร้างสรรค์ของจีอี เฮลธ์แคร์ ซึ่งรวมถึง LightSpeed VCT, สแกนเนอร์ Discovery Ste 16 slice PET/CT , Dual Head Gamma Camera พร้อมด้วย CT (SPECT/CT) และระบบแสดงภาพ TwinSpeed High Definition Magnetic Resonance (HDMR)
นายแดน ปีเตอร์ ประธานและซีอีโอของเมดิคัล ไดแอกนอสติคส์ (Medical Diagnostics) ที่จีอี เฮลธ์แคร์ กล่าวว่า "นักศึกษาแพทย์ในอินเดียเป็นส่วนสำคัญในกลยุทธ์ระดับโลกของเรา เราต้องการใช้ความสามารถเฉพาะตัวของเราในด้านชีววิทยาและวิศวกรรมศาสตร์ เพื่อพัฒนาสารแสดงภาพแบบใหม่ ที่จะให้แพทย์และผู้ป่วยของพวกเขามีทางเลือกด้านการวินิจฉัยโมเลกุลอย่างครบถ้วน ปัจจุบันนี้ความพยายามด้านการวิจัยของทีมงานวิจัยและพัฒนา (R&D) ของเมดิคัล ไดแอกนอสติคส์ที่จีอี เฮลธ์แคร์ กำลังมุ่งเน้นเกี่ยวกับสารแสดงภาพกลไกการทำงานและโมเลกุลที่ช่วยให้แพทย์ประเมินสรีรวิทยาของโรค และตัดสินใจเรื่องการบำบัดได้เร็วขึ้นอย่างมั่นใจ"
นาย วี ราชา ประธานจีอี เฮลธ์แคร์ อินเดีย เปิดเผยว่า "พวกเรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมงานกับโรงพยาบาลมานิพัล ซึ่งเป็นสถาบันหนึ่งที่ได้รับการยอมรับสูงสุดในอินเดีย จีอี เฮลธ์แคร์ และโรงพยาบาลมานิพัลต่างต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงอนาคตทางการรักษาสุขภาพโดยให้บริการผู้ป่วย ซึ่งมุ่งเป้าไปที่การวินิจฉัยโรคเป็นอันดับแรก ตามมาด้วยวิเคราะห์เชื้อโรค ด้วยการทำงานร่วมกัน ทั้งคู่จะสามารถเป็นหนึ่งในศูนย์พัฒนาสุขภาพที่มีความก้าวหน้ามากที่สุดในโลก นอกจากนี้ยังจะได้รับการจัดให้รวมอยู่ในแหล่งข้อมูลของ จีอี โกลบัล รีเสิร์ช เซ็นเตอร์ ในบังกาลอร์ เช่นเดียวกับคณะผู้เชี่ยวชาญของเมดิคัล ไดแอกนอสติคส์"
ปีเตอร์ เสริมว่า "การประสานความร่วมมือได้เน้นไปที่ข้อตกลงในการให้การสนับสนุนด้านการพัฒนาวิธีการรักษาสุขภาพของอินเดีย อินเดียเป็นประเทศสำคัญในการศึกษาด้านเคมี เนื่องจากมีความสามารถด้านวิจัยและพัฒนาอย่างเต็มเปี่ยม ตลอดจนมีทักษะความเป็นมืออาชีพในระดับสูง และมีโครงสร้างพื้นฐานทางการแพทย์ที่น่าพอใจ"
ดร.รันจัน ไป่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารมานิพัล เอดูเคชั่น แอนด์ เมดิคัล กรุ๊ป กล่าวว่า "จีอี เฮลธ์แคร์ เป็นองค์กรพันธมิตรของเรามาหลายปี และพวกเราตื่นเต้นมากที่จะได้ร่วมงานกับพวกเขาอีกครั้ง เพื่อขับเคลื่อนโครงการสำคัญต่อไป"
การประสานกันของสถาบันเพื่อสุขภาพที่มีความเชี่ยวชาญพิเศษของโรงพยาบาลมานิพัล กับแหล่งข้อมูลด้านการพัฒนาทางเวชภัณฑ์และการสนับสนุนอุปกรณ์ด้านการแสดงภาพของจีอี เฮลธ์แคร์ อีกทั้งผู้เชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์จากจีอี โกลบัล รีเสิร์ช เซ็นเตอร์ ให้เป็นหนึ่งเดียว ถือเป็นการสร้างโอกาสที่งดงามในการทำการทดสอบที่ซับซ้อนให้ประสบความสำเร็จอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลขึ้น ตลอดจนช่วยให้เกิดการวินิจฉัยยารักษาโรคใหม่ๆ ป้อนสู่ตลาดในอีกไม่ช้า
เกี่ยวกับจีอี เฮลธ์ แคร์
จีอี เฮลธ์แคร์ ให้บริการจัดหาเทคโนโลยีและบริการเพื่อการเปลี่ยนแปลงทางการแพทย์ ที่มีอิทธิพลต่อการกำหนดยุคสมัยใหม่ของการดูแลคนไข้ จีอี เฮลธ์แคร์ อุทิศความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศ การสร้างและปรับแต่งภาพทางการแพทย์ การวินิจฉัยทางการแพทย์ ระบบตรวจตราคนไข้ การวิจัยโรค การค้นคว้ายา และเทคโนโลยีการผลิตทางชีวเภสัชกรรม เพื่อช่วยผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพทั่วโลกคำนึงถึงวิธีการใหม่ๆในการตรวจสอบ แจ้งและรักษาคนไข้ เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้นานที่สุด
ขอบเขตของสินค้าและบริการของจีอี เฮลธ์แคร์ สามารถทำให้ผู้ให้การรักษาทางการแพทย์วินิจฉัยและรักษาโรคต่างๆได้ดีขึ้น เช่น โรคมะเร็ง โรคหัวใจ โรคทางประสาท และโรคอื่นๆ วิสัยทัศน์ของเราเพื่ออนาคตคือการทำให้ผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษามีสุขภาพที่ดี มุ่งเป้าไปที่ การวินิจฉัยก่อนเป็นอันดับแรก การป้องกันแสดงอาการของโรคในขั้นต้น และการป้องกันเชื้อโรค
จีอี เฮลธ์แคร์ เป็นหน่วยธุรกิจมูลค่า 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ ของบริษัทเจเนอรัล อีเล็คทริค คอมปานี (NYSE:GE) ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในสหราชอาณาจักร จีอี เฮลธ์แคร์ มีพนักงานมากกว่า 43,00 คนทั่วโลก ซึ่งมุ่งมั่นที่จะให้บริการแก่ผู้ประกอบวิชาชีพด้านการดูแลสุขภาพ และคนไข้ของพวกเขาในกว่า 100 ประเทศ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับจีอี เฮลท์แคร์ กรุณาไปที่เว็บไซต์ www.gehealthcare.com
เกี่ยวกับมานิพัล เฮลธ์ ซิสเต็มส์
มานิพัล เฮลธ์ ซิสเต็มส์ ในบังกาลอร์ เป็นความฝันอันสูงสุดที่ไม่อาจเลียนแบบได้ของดร. ทีเอ็มเอ ไป่ ผู้ใจบุญที่ตอบแทนประเทศด้วยภารกิจในการให้การศึกษาและความรู้ทางการแพทย์อย่างเต็มความสามารถในราคาไม่แพง โดยในปี 2496 เขาได้ก่อตั้งวิทยาลัยการแพทย์เอกชนเป็นแห่งแรกในอินเดียที่เมืองมานิพัล ซึ่งได้สืบทอดต่อมากว่า 50 ปี ความพยายามในการบุกเบิกได้เริ่มขึ้นที่มานิพัล เอดูเคชั่น แอนด์ เมดิคอล กรุ๊ป(MEMG) ซึ่งในวันนี้มีสถาบันกว่า 57 แห่ง โดยจัดตั้ง มานิพัล เฮลธ์ ซิสเต็มส์ เป็นแผนกรักษาสุขภาพของสถาบันนี้
ปัจจุบัน มานิพัล เฮลธ์ ซิสเต็มส์ ที่มีเตียงมากกว่า 5,000 เตียง นับเป็นกลุ่มการจัดการโรงพยาบาล (Hospital Management Group) ที่กว้างขวางที่สุด(ในส่วนของจำนวนเตียงเดี่ยว) ลึกที่สุด (ในส่วนของการเข้าถึงพื้นที่ในชนบท) และมีการผสมผสานมากที่สุด(จากศูนย์อนามัยในชนบทไปจนถึงโรงพยาบาลในระดับตติยภูมิ) ในเอเชีย ระบบรักษาสุขภาพ 2 แห่งที่มีศูนย์กลางในมังกาลอร์และมานิพัล ให้บริการครอบคลุมฝั่งตะวันตกของอินเดีย จากเมืองโกอา ไปยัง เคราลา ขณะที่ระบบรักษาสุขภาพในบังกาลอร์ให้บริการผู้ป่วยจาก 20 ประเทศทั่วโลก
ทั้งนี้ มานิพัล เฮลธ์ ซิสเต็มส์ มีโรงพยาบาลระดับตติยภูมิ 3 แห่งที่ศูนย์กลางต่างๆ โรงพยาบาลระดับทุติยภูมิ 9 แห่ง ศูนย์บริการสุขภาพระดับปฐมภูมิ 19 แห่ง และศูนย์อนามัยชนบท 7 แห่ง อีกทั้งยังมีสถานพยาบาล (Complimentary Clinic) ที่สนามบินนานาชาติบังกาลอร์ และสนามบินภายในประเทศมังกาลอร์ ตลอดจนโครงการพัฒนาชุมชนกว่า 55 แห่ง ทั้งนี้ มานิพัล เฮลธ์ ซิสเต็มส์ ได้รักษาผู้ป่วยนอก 1.5 ล้านคน และผู้ป่วยในจำนวน 4 แสนคน ในปี 2548-2549
เกี่ยวกับ Visipaque (TM)
ผลิตภัณฑ์เอ็กซ์เรย์/CT สำหรับการวินิจฉัยหลากหลายโรค รวมทั้งโรคหลอดเลือดหัวใจและช่วยในการติดตั้ง นับเป็น contrast media ชนิดเดียวที่ใช้ในหลอดเลือดได้ ซึ่ง isosmolar (มี osmolality เท่ากับเลือด) ที่ความเข้มข้นไอโอดีนทั้งหมด นอกจากนี้ยังสามารถทำงานกับสารละลายโซเดียมสำคัญและแคลเซียมในระดับร่างกาย เพื่อรักษาสมดุลของสารละลาย
ในสหรัฐฯ Visipaque ไม่ได้ใช้ในอินทราเธคัล contrast media ที่มีประจุไฟฟ้าและไม่มีประจุไฟฟ้าทั้งหมด ขณะนี้มีในการเกาะตัวเป็นเลือด น้อยกว่า contrast media ที่มีประจุไฟฟ้า การเกาะตัวเป็นเลือกจะมีการรายงานเมื่อเลือดยังคงติดต่อกับไซริงที่ประกอบด้วย contrast media ที่ไม่มีประจุไฟฟ้า ทั้งนี้ ต้องมีการแจ้งคำเตือนไปยังคนไข้ที่มีการทำงานของไตที่เสียหายอย่างรุนแรง โรคตับและไตร่วมกัน โรคหัวใจและไตร่วมกัน เนื้องอกในไขกระดูกต่อมไธรอยด์รุนแรง หรือการไม่มีน้ำปัสสาวะเนื่องจากไตบกพร่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการใช้ยาจำนวนมาก (ดูคำเตือนล่วงหน้า)
ข้อมูลการจ่ายยา (1) Visipaque(TM) iodixanol
กรุณาอ้างถึงผลสรุปแห่งชาติของลักษณะผลิตภัณฑ์ (Summary of Product Characteristics-SPC) ฉบับเต็มก่อนการจ่ายยา
การนำเสนอ
โซลูชั่นที่เกี่ยวกับสารละลายและประกอบด้วยน้ำมีไอโอดิกซานอล ไม่มีประจุไฟฟ้า และ contrast medium ที่เป็นการนำสารสองตัวมาควบกัน ประกอบอยู่ในไอโอดีน 150 มิลลิกรัม 270 มิลลิกรัม และ 320 มิลิกรัมต่อมิลลิลิตร
ข้อบ่งชี้
Contrast medium เอ็กซ์เรย์สำหรับใช้ในผู้ใหญ่ที่มีการถ่ายเอ็กซเรย์โรคหัวใจและเส้นเลือดใหญ่ การเอ็กซเรย์เส้นเลือดในสมอง การเอ็กซเรย์เส้นเลือดแดงหลังฉีด contrast medium การถ่ายเอ็กซเรย์ท้อง การถ่ายเอ็กซเรย์ทางเดินปัสสาวะ การถ่ายเอ็กซ์เรย์หลอดเลือดดำ การเพิ่ม CT การศึกษาลำไส้ใหญ่ส่วนบน การถ่ายเอ็กซเรย์ข้อต่อ การถ่ายเอ็กซเรย์ท่อมดลูกและรังไข่ (HSG) และเนื้องอกหลอดน้ำดีกรณีทำ ERCP (Endoscopic retrograde cholangiopancreatography) ถ่ายเอ็กซเรย์เกี่ยวกับเอว ทรวงอก และการถ่ายภาพเอ็กซเรย์ไขกระดูกสันหลังเกี่ยวกับคอโดยใช้สาร medium contrast ในผู้ใหญ่ ขณะที่เป็นการถ่ายเอ็กซเรย์โรคหัวใจและเส้นเลือดใหญ่ การถ่ายเอ็กซเรย์ทางเดินปัสสาวะ การเพิ่ม CT และการศึกษาลำไส้ใหญ่ส่วนบนในเด็ก
ปริมาณการใช้และการจัดการ
เด็กและผู้ใหญ่: ปริมาณการใช้สำหรับหลอดเลือดภายในและการใช้ทางปากขึ้นอยู่กับชนิดของการตรวจสอบ อายุ น้ำหนัก ผลการเต้นของหัวใจ สภาพทั่วไปของคนไข้และเทคนิคที่ใช้ (ดู SPC และใบแนบมาในหีบห่อ)
ข้อบ่งชี้ในทางตรงข้าม
อาการไธรอยด์ที่ชัดเจน และมีประวัติปฏิกิริยาไวรุนแรงต่อ Visipaque
คำเตือน และอื่นๆ
ประวัติของอาการแพ้ โรคภูมิแพ้ หรือปฏิกิริยาที่มีต่อสารนำกระแสประสาทที่แตกต่างกันที่ได้รับยาฆ่าเชื้อไอโอดีน ทำให้ต้องมีการเตือนเป็นพิเศษ การให้ยาในเบื้องแรกด้วยยาคอร์ติโคสเตอรอยด์ ยาต่อต้านฤทธิ์ H1 และ H2 ควรจะต้องนำมาพิจารณาในกรณีเหล่านี้ แม้ว่าความเสี่ยงของการเกิดปฏิกิริยารุนแรงต่อยา Visipaque นั้นต่ำ แต่สารนำกระแสประสาทที่แตกต่างกันที่ได้รับยาฆ่าเชื้อไอโอดีนอาจกระตุ้นให้เกิดปฏิกิริยาที่ไวต่อฤทธิ์ยามาก ดังนั้นต้องมียาและอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับการรักษาอย่างทันท่วงที คนไข้ควรได้รับการเฝ้าดูอาการอย่างน้อย 30 นาทีหลังจากที่สารนำกระแสประสาทที่แตกต่างกันได้รับการให้ยา ไม่ว่าปฏิกิริยาจะเกิดช้าเพียงใดก็ตาม สารนำกระแสประสาทที่ไม่มีสารไอออนมีผลกระทบต่อระบบของสารที่ช่วยให้เลือดจับตัวเป็นก้อนใน vitro น้อย เมื่อเปรียบเทียบกับสารนำกระแสประสาทที่แตกต่างกันที่มีสารไอออน เมื่อกระทำกระบวนการการใช้หลอดสวนเส้นโลหิต ผู้กระทำควรให้ความใส่ใจอย่างสูงต่อเทคนิคการเอ็กซเรย์เส้นโลหิตและควรถ่ายเลือดออกจากหลอดสวนบ่อยครั้ง เช่น ด้วยยาที่ช่วยให้โลหิตไม่แข็งตัวที่มีเกลือ เพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดลิ่มเลือดและภาวะเส้นเลือดอุดตันที่เกิดจากกระบวนการรักษาสารนำกระแสประสาท ควรทำให้แน่ใจว่ามีการรวมตัวกับน้ำเพียงพอทั้งก่อนและหลังการตรวจโรคโดยเฉพาะในคนไข้ที่ไตทำงานผิดปกติ เป็นโรคเบาหวาน, mellitus, โลหิตมีพาราโปรตีน, คนไข้สูงอายุ และทารก คนไข้ที่มีสารไธรอยด์มากเกินไป, เป็นโรคเกี่ยวกับหัวใจร้ายแรง, ความดันโลหิตในปอดสูง, คนไข้ที่มีแนวโน้มจะหมดสติเนื่องจากพยาธิในสมอง, เนื้องอก, โรคลมบ้าหมู, การติดสุรา และการติดยาเสพติดร้ายแรง และคนไข้ที่มีภาวะกล้ามเนื้อในครรภ์อ่อนแอ หรือ phaeochromocytoma ควรได้รับการดูแลเป็นพิเศษ คนไข้ที่การทำงานในไตและตับผิดปกติต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษเนื่องจากการชำระล้างสารนำสื่อประสาทที่แตกต่างกันอาจเกิดขึ้นช้า สารนำสื่อประสาทที่แตกต่างกันที่ได้รับยาฆ่าเชื่อไอโอดีนอาจขัดขวางการทดสอบในห้องทดลองเพื่อค้นหาการทำงานของต่อมไธรอยด์, สารสีของน้ำดีที่มีสีส้มหรือเหลือง, โปรตีนต่างๆ และอนินทรียสาร เช่น เหล็ก ทองแดง แคลเซียม และฟอสเฟส ในคนไข้ที่เป็นเบาหวานควรจะหยุดการให้สาร metformin เมื่อมีการใช้สารสื่อประสาทที่แตกต่างกัน ระยะเวลาการใช้สารสื่อประสาทควรปรับให้เข้ากับระดับ creatine ของซีรั่ม/ระดับการทำงานของไต (โปรดดูที่ SPC) ความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากจากปฏิกิริยาที่เกิดช้า (ปฏิกิริยาที่เหมือนกับไข้หวัดใหญ่หรือบนผิวหนัง) ได้เกิดขึ้นกับคนไข้ที่เคยได้รับการรักษาด้วยยา interleukin-2 เป็นเวลามากกว่า 2 สัปดาห์ ยังไม่มีการระบุข้อมูลเกี่ยวกับความปลอดภัยของยา Visipaque ที่ใช้กับผู้ตั้งครรภ์ และไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับระดับของยานี้ที่รั่วไหลไปสู่นมของมารดา ควรหยุดการให้นมแม่ก่อนการรักษาด้วยยานี้ และไม่แนะนำให้ให้นมหลังการให้ยานี้อย่างน้อย 24 ชั่วโมง
ผลข้างเคียง
ส่วนมากยานี้มีฤทธิ์น้อยจนถึงปานกลางและคงอยู่ชั่วคราว ดังนั้นผลข้างเคียง ได้แก่ ไม่สบายตัว ความรู้สึกอุ่นหรือหนาว เจ็บที่บริเวณที่ฉีดยาหรือบริเวณที่ห่างออกไป ปฏิกิริยารุนแรงเกิดขึ้นได้ยาก อาคารคลื่นเหียน อาเจียน หรือความไม่สบายท้องเกิดขึ้นได้ยากเช่นกัน ปฏิกิริยาที่เป็นความไวต่อยาเกิดขึ้นบ้าง โดยมีอาการ เช่น ผดผื่น ลมพิษ อาการคันรุนแรง (เกิดขึ้นทันทีหรือเกิดขึ้นช้า) ปฏิกิริยารุนแรง เช่น หลอดลมบีบเกร็ง เส้นประสาทบวมน้ำ หายใจลำบาก และภาวะไวต่อโปรตีนแปลกปลอมเพิ่มขึ้นที่ทำให้เสียชีวิตได้ เกิดขึ้นได้ยากมาก ปฏิกิริยาของระบบประสาท อาการปวดหัว อาการวิงเวียนศีรษะ อาการหน้ามืดเป็นลม และการเคลื่อนไหวหรือประสาทรับความรู้สึกผิดปกติ เช่น การเปลี่ยนแปลงของการรับรสและการได้กลิ่น เกิดขึ้นได้ยากมาก อาการอื่นที่เกิดขึ้นได้ยากมาก ได้แก่ ปฏิกิริยาประสาททั้งหมด 2 คู่ ภาวะหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ โรคความดันโลหิตสูง และโรคคางทูมเนื่องจากสารประกอยไอโอไดด์ อาการเส้นโลหิตแดงใหญ่กระตุกอาจเกิดขึ้นหลังการฉีดยา การเพิ่มขึ้นชั่วคราวของสาร creatinine เกิดขึ้นเป็นปกติ อาการไตล้มเหลวเกิดขึ้นได้ยากมาก อาการหลอดโลหิตดำอักเสบหรือการเกิดลิ่มเลือดในหลอดโลหิตดำเกิดขึ้นได้ยากมากเช่นกัน ความผิดปกติของกระเพาะอาหารและลำไส้ ได้แก่ อาการท้องร่วง คลื่นเหียน/อาเจียน และอาการเจ็บที่ช่องท้อง และปฏิกิริยาที่ไวต่อยาที่เกิดขึ้นในระบบทั้งหมดของร่างกาย เกิดขึ้นเป็นบางครั้ง
การให้ยาเกินขนาด
เมื่อมีการให้ยาเกินขนาดเกิดขึ้นโดยไม่ตั้งใจ ควรเฝ้าดูการทำงานของไตเป็นเวลาอย่างน้อย 3 วัน นอกเหนือไปจากมาตรการสนับสนุนที่มีอยู่ ควรมีการแยกโมเลกุลของฮีโมโกลบินหากจำเป็น
หมายเลขการตลาดที่ได้รับอนุญาต
Visipaque 150 mg I/ml - 60.635, 270mg I/ml - 60.636, 320mg I/ml - 60.637; Visipaque USP 150 mg I/ml - 62.916; Visipaque USP 270 mg I/ml - 62.917; Visipaque USP 320 mg I/ml - 62.918
เจ้าของใบอนุญาตทำการตลาด
Amersham Health AS, Nycoveien 1-2, Postboks 4220 Nydalen, N-0410 Oslo, Norway
ผู้สนใจสามารถขอข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Amersham Health, The Grove Centre, White Lion Road, Amersham, Bucks HP7 9LL
วันที่เตรียมทดลองยา: ตุลาคม 2547
(1) อาการของโรคและการอนุญาตให้ใช้ยาอาจแตกต่างกันไปในประเทศต่างๆ โปรดดูรายละเอียดในใบแนบที่กล่องยา ข้อมูลเพิ่มเติมสามารถขอได้จากบริษัท
สื่อติดต่อ:
เซบาสเตียง ดูชองป์
ผู้อำนวยการฝ่ายการสื่อสาร
จีอี เฮลธ์แคร์ อินเตอร์เนชั่นแนล
+33-6-73-19-59-64
ที่มา: จีอี เฮลธ์แคร์
ติดต่อ
เซบาสเตียง ดูชองป์
ผู้อำนวยการฝ่ายการสื่อสาร
จีอี เฮลธ์แคร์ อินเตอร์เนชั่นแนล
+33-6-73-19-59-64
เว็บไซต์: http://www.gehealthcare.com
--เผยแพร่โดย เอเชียเน็ท ( www.asianetnews.net )--
- พ.ย. ๒๕๖๗ ภาพข่าว: รมว.คลังประชุมหารือกับ General Electric
- พ.ย. ๒๕๖๗ จีอี เฮลธ์แคร์และโรงพยาบาลศรีสวรรค์ร่วมมือกันด้านโซลูชั่นดิจิทัล เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการบริหารงาน ผลลัพธ์ด้านการรักษา และมุ่งเน้นสร้างสรรค์คุณค่าแห่งชีวิตสำหรับผู้ป่วย
- พ.ย. ๒๕๖๗ จีอี เฮลธ์แคร์และโรงพยาบาลศรีสวรรค์ร่วมมือกันด้านโซลูชั่นดิจิทัล เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการบริหารงาน ผลลัพธ์ด้านการรักษา และมุ่งเน้นสร้างสรรค์คุณค่าแห่งชีวิตสำหรับผู้ป่วย
- พ.ย. ๒๕๖๗ จีอี เฮลธ์แคร์ มุ่งเผยแพร่เทคโนโลยีการตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมที่แม่นยำ เพื่อยกระดับมาตรฐานการรักษาโรคมะเร็งเต้านมให้กับคนไทย