กรุงเทพฯ--18 ก.ย.--บลจ.ธนชาต
ผลตอบรับการจองหุ้น TIES ดีเกินคาด สถาบันทั้งไทยและเทศให้ความสนใจเหตุบริษัทมีพื้นฐานแข็งแกร่ง ผู้บริหารมืออาชีพ มีศักยภาพและกลยุทธที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งมีราคา IPO เหมาะสม
บริษัทหลักทรัพย์ธนชาต จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัท ไทยบริการอุตสาหกรรมและวิศวกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ TIES เปิดเผยผลการจองหุ้น IPO ที่เสนอขายประชาชนจำนวน 33 ล้านหุ้น ที่ราคา 2.80 บาทต่อหุ้น และเสนอขายต่อกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานอีก 2 ล้านหุ้น ในราคา 1.40 บาทต่อหุ้น ระหว่างวันที่ 13 — 15 กันยายนว่า ได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดี ทั้งในส่วนของประชาชนและนักลงทุนสถาบัน
นายอัศวิน ชินกำธรวงศ์ ประธานกรรมการบริหาร TIES กล่าวว่า “ตลอดระยะเวลากว่า 25 ปี ผู้บริหารของ TIES ทุกคน นอกจากจะสามารถนำพาบริษัทให้ผ่านพ้นวิกฤติการณ์ทางเศรษฐกิจหลายๆ ครั้งได้อย่างภาคภูมิใจแล้ว พวกเรายังคงยึดถือปรัญชาในการดำเนินธุรกิจที่ว่า TIES จะต้องเป็นบริษัทที่มีประสิทธิภาพในการบริหารงาน บริหารเงิน บริหารลูกค้า มีระบบการตรวจสอบรัดกุมและโปร่งใส เพื่อให้บริษัทสามารถเติบโตได้อย่างมั่นคงและให้ผลตอบแทนสูงสุดแก่ผู้ถือหุ้น ในการนำ TIES เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในครั้งนี้ จึงเป็นโอกาสดีที่ผมจะได้แนะนำบริษัทที่ได้ก่อตั้งและดูแลอย่างดีมาโดยตลอดให้นักลงทุนทุกท่านได้รู้จักและมีส่วนร่วมในการเป็นผู้ถือหุ้น และการเสริมสร้างศักยภาพในการเติบโตของ TIES ในระยะยาว”
นายอัศวินได้กล่าวย้ำอีกว่า “เพื่อเป็นการยืนยันความมั่นใจในอนาคตที่สดใสของ TIES และแสดง Commitment ที่มีต่อบริษัท ผู้ถือหุ้นเดิมคือ ผมและคุณสมพล อาสาที่จะนำหุ้นสามัญในส่วนของเราทั้งหมดเข้า เกณฑ์ lock-up (เงื่อนไขการกำหนดระยะเวลาห้ามขาย) ทั้ง 100% เป็นระยะเวลา 1.5 ปี ถึงแม้ตามกฎของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยจะบังคับเพียงแค่ 65% เท่านั้น”
อนึ่ง TIES ก่อตั้งและดำเนินงานโดยกลุ่มวิศวกรที่มีประสบการณ์มากว่า 25 ปี มีความเชี่ยวชาญในการก่อสร้างโรงงานอุตสาหกรรมและงานระบบต่างๆ และได้ขยายการให้บริการรับเหมาก่อสร้างไปยังโรงพยาบาล และศูนย์การค้า บริษัทมีชื่อเสียงและเป็นที่ยอมรับในวงการทั้งในด้านคุณภาพงานและการส่งมอบงานที่ตรงต่อเวลา จนได้รับมาตรฐาน ISO 9001 : 2000 จาก MASCI และสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าเป็นอย่างมาก ทำให้ลูกค้าเดิมกลับมาใช้บริการซ้ำ และมีฐานลูกค้าใหม่ๆอยู่เสมอ โดยที่ผ่านมามีลูกค้าเป็นบริษัทชั้นนำอย่าง สยามมิชลิน, เบียร์ไทย (1991), การบินไทย, เซ็นคาร์ หรือ ห้างสรรพสินค้าคาร์ฟูร์, บางกอกคาซ่า หรือ อินเด็กซ์ลิฟวิ่งมอลล์, โรงพยาบาลรามคำแหง, นิปปอนเพ้นต์, อุตสาหกรรมเครื่องแก้วไทย, ยางสยามอุตสาหกรรม และโรงพิมพ์ไทยวัฒนาพานิช เป็นต้น
ในปี 2548 บริษัทมีรายได้ 985 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 57% จากปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 45 ล้านบาท คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.45 บาท โดยมีอัตรากำไรขั้นต้น 15% และอัตรากำไรสุทธิ 4.6% ซึ่งค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับบริษัทรับเหมาก่อสร้างทั่วไป ส่วนงวด 6 เดือนแรกปี 2549 บริษัทมีรายได้รวม 526 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยแบ่งเป็นรายได้จากการสร้างโรงงาน 55% และที่เหลือเป็นรายได้จากงานโรงพยาบาล อาคารสูง และศูนย์การค้า และมีกำไรสุทธิ 18 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ล่าสุดบริษัทได้งานเพิ่มอีก 130 ล้านบาท จากบริษัท สยาม มาลายา กลาส (ประเทศไทย) ผู้ผลิตขวดเบียร์ Hineken เป็นงานติดตั้งระบบวิศวกรรมและไฟฟ้าในโรงงานเตาหลอม ทำให้ปัจจุบันมีโครงการในมือ 2,327 ล้านบาท ซึ่งรับรู้เป็นรายได้แล้วถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2549 จำนวน 1,178 ล้านบาท เหลือที่จะรับรู้เป็นรายได้ในอนาคตอีก 1,149 ล้านบาท
- ๑๖:๒๗ SSP สุดสตรอง! EXIM BANK รับเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน-ค้ำประกันหุ้นกู้ หนุนความเชื่อมั่น - ช่วยลดต้นทุนดอกเบี้ย เล็งออกหุ้นกู้ค้ำประกัน Green Projects ดันพอร์ตโรงไฟฟ้าเติบโต 2 เท่า
- ๒๔ ธ.ค. บมจ. 88(ไทยแลนด์) ยื่นไฟลิ่งขาย IPO 59.50 ล้านหุ้น เตรียมเข้า เอ็ม เอ ไอ
- ๒๓ ธ.ค. "บล. ฟินันเซีย ไซรัส" ร่วมแสดงความยินดี "SNPS" เข้าเทรดวันแรก