ดิ เอราวัณ กรุ๊ป ประกาศเพิ่มทุนขยายเครือข่ายโรงแรมชั้นประหยัด ภายใต้แบรนด์ Ibis และโรงแรมระดับ 3-4 ดาว ภายใน 3 ปี

พุธ ๒๙ มีนาคม ๒๐๐๖ ๑๖:๓๐
กรุงเทพฯ--29 มี.ค.--อาซิแอม เบอร์สัน-มาร์สเตลเลอร์
บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ส่งสัญญาณเจาะตลาดลงทุนธุรกิจ โรงแรมและรีสอร์ทท่องเที่ยวราคาประหยัดในเมืองไทย ย้ำตลาดขยายตัวโดยเฉพาะจากนักท่องเที่ยวหรือนักธุรกิจจากจีนและอินเดีย พร้อมประกาศความพร้อมในการเป็นตัวแทนกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยวและการโรงแรมของไทย ที่ทำตลาดโรงแรมและรีสอร์ทครอบคลุมทุกเซ็กเมนต์ ย้ำการระดมทุนในครั้งนี้สามารถรองรับ การขยายการลงทุนตามแผน 3 ปี
บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) [“Erawan”
] เข้าทำบันทึกข้อตกลงฯ ร่วมกับ กลุ่มแอคคอร์ เพื่อสร้างเครือข่ายโรงแรมระดับราคาประหยัดภายใต้แบรนด์ Ibis จำนวน 10 แห่ง ครอบคลุม 6 แหล่งท่องเที่ยวหลักทั่วประเทศไทย ได้แก่ กรุงเทพฯ พัทยา ภูเก็ต เกาะสมุย เชียงใหม่ และ กระบี่ บริษัทคาดว่า จะดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จ 6 โรงแรมภายในปี 2551 และอีก 4 โรงแรมในปี 2553 แต่ละโรงแรมจะมีห้องพักจำนวน 200-250 ห้องโดยใช้เงินลงทุนประมาณ 300-400 ล้านบาทต่อ 1 โรงแรม
กลุ่มแอคคอร์เป็นหนึ่งในผู้นำของโลกในด้านการบริหารโรงแรมระดับราคาปานกลางถึงระดับราคาประหยัด และยังเป็นกลุ่มที่มีการเติบโตสูงที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค ปัจจุบันในประเทศไทย แอคคอร์บริหารงานอยู่ทั้งสิ้น 23 โรงแรม และมีแผนจะเปิดเพิ่มอีก 13 โรงแรมภายใน 2 ปีข้างหน้า ไม่รวมถึงโรงแรมที่ทำบันทึกข้อตกลงกับกลุ่มเอราวัณ สำหรับแบรนด์ “Ibis” ภายใต้การบริหารของแอคคอร์นั้น ถือเป็นหนึ่งในแบรนด์ราคาประหยัดที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดในโลก โดยปัจจุบันมีโรงแรมมากกว่า 720 โรงแรมทั่วโลก
นายกษมา บุณยคุปต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “โรงแรมระดับราคาประหยัดในประเทศไทยเป็นตลาดที่ใหญ่และยังไม่ได้รับความสนใจมากนักจากผู้บริหารโรงแรมระดับโลก กลุ่มแอคคอร์จึงเป็นพันธมิตรที่เรียกได้ว่าเหมาะสมที่สุดในการพัฒนาตลาดนี้ร่วมกับเรา โรงแรมราคาประหยัดมี 3 ลักษณะเด่นที่สำคัญ คือ คุณภาพได้มาตรฐาน เรียบง่าย และคุ้มค่ากับราคาและอัตราค่าห้องพักเริ่มต้นต่ำกว่า 30 ดอลล่าห์สหรัฐฯ ต่อคืน (หรือประมาณ 1,200 บาท) โดยรวมบริษัทคาดว่าจะได้รับประโยชน์จากการเจริญเติบโตของกลุ่มนักท่องเที่ยวระดับชั้นประหยัดที่เข้ามาในประเทศไทย ซึ่งเป็นผลจากการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย”
นาย ไมเคิล ไอเซนเบิร์ก กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอคคอร์ เอเชีย แปซิฟิก กล่าว “แอคคอร์มีความมั่นใจในศักยภาพการเติบโตของการท่องเที่ยวในประเทศไทยโดยเฉพาะในแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญที่จะร่วมพัฒนากับกลุ่มเอราวัณ ซึ่งโรงแรมใหม่ที่กำลังดำเนินการก่อสร้างอยู่ในขณะนี้ ส่วนใหญ่เป็นโรงแรมระดับห้าดาว มีเพียงส่วนน้อยที่รองรับตลาดที่มีการเติบโตสูงที่สุดในขณะนี้ อันได้แก่ ตลาดระดับราคาประหยัด โดยจะเห็นได้จากการเติบโตอย่างรวดเร็วของสายการบินต้นทุนต่ำในภูมิภาค ซึ่งเรามองว่า Ibis เป็นแบรนด์ที่รองรับความต้องการของตลาดกลุ่มนี้ได้เป็นอย่างดี”
นาย ไมเคิล ไอเซนเบิร์ก กล่าวเพิ่มเติมว่า “การประกาศครั้งนี้ อยู่ในช่วงเวลาที่ Ibis กำลังมีการเติบโตในการขยายงานในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกสูงที่สุด ก่อนหน้านี้ทางบริษัทได้ทำการเปิดตัว Ibis ในกรุงเทพฯ ไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา และมีการขยายเครือข่ายโรงแรมเพิ่มขึ้นในประเทศเกาหลี และอินโดนีเซีย ส่วนในประเทศจีนและอินเดีย เราตั้งเป้าหมายที่จะขยายเครือข่าย Ibis ให้มีมากกว่า 20 โรงแรมในแต่ละประเทศ”
โครงการลงทุนในโรงแรม Ibis ครั้งนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของแผนการขยายงานในช่วง 3 ปีนี้ของบริษัท ซึ่งคาดว่าจะใช้เงินลงทุน 6 พันล้านบาท รวมโครงการที่ได้ประกาศไปแล้ว 2 โครงการคือโรงแรมระดับ 4 ดาว ภายใต้ชื่อ Courtyard by Marriott Bangkok และรีสอร์ทระดับ 5 ดาว ดีลักซ์ ภายใต้การบริหารของกลุ่ม Six Senses (คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2550 ทั้ง 2 โครงการ) แผนการขยายงานครั้งนี้ จะรวมถึงการลงทุนสร้างรีสอร์ทระดับ 4 ดาวซึ่งอยู่ในระหว่างการเจรจาและคาดว่าจะประกาศรายละเอียดประมาณกลางปีนี้
นายกษมา อธิบายว่า “กลยุทธ์ของเราที่จะสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผู้ถือหุ้นที่ยั่งยืนและต่อเนื่องในอนาคต เราตั้งใจจะกระจายการลงทุนทั้งในด้านภูมิศาสตร์และฐานลูกค้า โดยตั้งเป้าหมายไว้ว่า ภายในปี 2551 เราจะเป็นหลักทรัพย์ที่สะท้อนภาพธุรกิจโรงแรมและการท่องเที่ยวในประเทศไทย โดยจะมีโรงแรมที่เปิดดำเนินการ 12 โรงแรมภายในปี 2551 ตั้งแต่โรงแรมระดับ 5 ดาว ดีลักซ์ ถึงโรงแรมชั้นประหยัด ในแหล่งท่องเที่ยวและแหล่งธุรกิจที่สำคัญของประเทศไทย”
นายกษมา กล่าวเพิ่มเติมว่า “เรามีความมั่นใจในศักยภาพของธุรกิจโรงแรมและการท่องเที่ยวของประเทศไทย โดยเฉพาะคุณค่าของวัฒนธรรม ความน่าสนใจของแหล่งท่องเที่ยวและอัธยาศัยของคนไทย การขยายเครือข่ายโรงแรมเข้าสู่ตลาดต่างๆ จะทำให้เราไม่เพียงแต่สามารถรองรับความต้องการของลูกค้าในระดับต่างๆ แต่ยังเป็นการกระจายความเสี่ยงในภาพรวมให้บริษัทได้เป็นอย่างดี”
บริษัทคาดว่าจะใช้กระแสเงินสดจากการดำเนินงานและเงินกู้ยืมโครงการเพื่อรองรับการลงทุน 6 พันล้านบาทนี้ โดยตั้งเป้าที่จะคงระดับหนี้สินต่อทุนให้ไม่เกินกว่า 2 ต่อ 1 เท่า นอกจากนี้ ในวันที่ 28 มีนาคม 2549 คณะกรรมการบริษัทได้อนุมัติแผนการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุน เพื่อเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม ตามสัดส่วนการถือหุ้นในอัตราส่วน 3 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ ในราคาหุ้นละ 1 บาท ซึ่งเป็นจำนวนเงินทุนทั้งสิ้น 484 ล้านบาท สำหรับหุ้นเพิ่มทุนใหม่แต่ละหุ้นจะได้รับใบสำคัญแสดงสิทธิจำนวน 1 หน่วย โดยที่ใบสำคัญแสดงสิทธิ 2 หน่วยสามารถเปลี่ยนแปลงเป็น 1 หุ้นสามัญในช่วงเดือนธันวาคม 2550 ที่ราคา 2.15 บาทต่อหุ้น เพื่อระดมทุนประมาณ 520 ล้านบาท
เกี่ยวกับบริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย บริษัทเป็นเจ้าของโรงแรม 5 ดาวชั้นนำของกรุงเทพฯ 2 แห่งได้แก่ Grand Hyatt Erawan Bangkok และ JW Marriott Bangkok นอกจากนี้ยังมีอาคารสำนักงานและศูนย์การค้าให้เช่าอีก 3 แห่งคือ อาคารอัมรินทร์ พลาซ่า อาคารเพลินจิต เซ็นเตอร์ และศูนย์การค้าเอราวัณ แบงค็อก
ในปี 2548 บริษัทมีการขยายงานเพื่อสนับสนุนการเติบโตในอนาคตดังต่อไปนี้
- การเข้าซื้อกิจการโรงแรม 5 ดาวบนเกาะสมุย และเปลี่ยนเป็น Renaissance Koh Samui Resort & Spa ในภายหลัง
- การพัฒนาสร้างโรงแรมนักธุรกิจ Courtyard by Marriott Bangkok ซึ่งจะเปิดให้บริการในช่วงปี 2550
- การพัฒนารีสอร์ทประเภท deluxe pool villa ในจังหวัดภูเก็ต ภายใต้การบริหารโดยกลุ่ม Six Senses ซึ่งจะเปิดให้บริการในช่วงปี 2550
ดิ เอราวัณ กรุ๊ป มีรายได้รวมเท่ากับ 2.9 พันล้านบาทในปี 2548 เพิ่มขึ้น 12.8% จากปีก่อนและมีกำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษีและค่าเสื่อมราคา (EBITDA) เท่ากับ 971 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.3%
รายละเอียดเพิ่มเติม โปรดติดต่อ:
ปฐวี ชัยพัฒน์ หรือ สาธิดา ศรีธัญญาธรณ์
อาซิแอม เบอร์สัน-มาร์สเตลเลอร์
โทร: 0 2252 9871
อีเมล์ [email protected]

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๕ พ.ย. ดิ เอราวัณ กรุ๊ป เปิดตัว HOP NextGen ชวนนักศึกษาเยี่ยมชม ฮ็อป อินน์ เรียนรู้เทคนิคบริการแบบ Consistency is Yours พร้อมพัฒนาบุคลากรรุ่นใหม่
๑๕ พ.ย. คิง เพาเวอร์ ต้อนรับเทศกาลแห่งความสุขส่งท้ายปี เปิดแคมเปญ THE POWER OF FUNTASTIC CELEBRATION 2025 ฉลองทุกความสุข สนุกไม่รู้จบ
๑๕ พ.ย. พันธุ์ไทย ชวนแฟนด้อม คัลแลนและพี่จอง จุ่ม การ์ดพันธุ์ไทยใจฟู ลิมิเต็ด อิดิชั่น
๑๕ พ.ย. BAM ทรานส์ฟอร์มองค์กรสู่ DIGITAL ENTERPRISE ตอกย้ำผู้นำ AMC ยุค 4.0 วางเป้าหมายยกระดับองค์กรสร้างโอกาสเติบโตอย่างยั่งยืน เตรียมส่ง อิสระ เดอะซีรีส์ ชวนลูกหนี้ BAM
๑๕ พ.ย. บางจากฯ ได้รับการประเมินด้านความยั่งยืนอันดับสูงสุดของโลก จาก SP Global 2024 ในกลุ่มอุตสาหกรรม Oil Gas Refinery and
๑๔ พ.ย. ซีเอเค อินเตอร์เนชั่นแนล ออกบูธให้ความรู้เรื่องการใช้งานระบบดับเพลิงนร. พระหฤทัยนนทบุรี
๑๒ พ.ย. พนักงานซีเอเค อินเตอร์เนชั่นแนล รับรางวัลเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงานดีเด่น
๑๕ พ.ย. PROSPECT REIT ชูไตรมาส 3/67 โตเกินเป้า อัตราการเช่าพุ่งนิวไฮ หนุนจ่ายปันผลเด่น 0.2160 บาท
๑๕ พ.ย. CHAO ประกาศงบ Q3/67 กำไรพุ่งกว่า 62% รับตลาดส่งออกพีค จีนโตเด่น แย้ม Q4 เดินหน้าบุกตลาดในประเทศ สินค้าใหม่หนุนยอดขายปลายปี
๑๕ พ.ย. ฉลองเทศกาลลอยกระทงประจำปี 2567 ณ โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ