กรุงเทพฯ--10 ส.ค.--คลีน คาราโอเกะ
แกรมมี่ จับมือ กลุ่มมิวสิค พาวิลเลียน โดยนายทวีชัย ตรีธารทิพย์ และกลุ่มนายธัญญะ ดาวเรือง พันธมิตรรายใหญ่ในวงการคาราโอเกะ รุกธุรกิจ Singing Business เต็มรูปแบบ ภายใต้ชื่อ “คลีน คาราโอเกะ” เผยจุดแข็งนำระบบเทคโนโลยีมาใช้ เพื่อให้การจัดเก็บค่าเผยแพร่ลิขสิทธิ์มีความถูกต้องและเป็นธรรม ตั้งเป้า สิ้นปี 2549 ขยายครบ 2,000 ตู้ทั่วประเทศ มั่นใจปี 2550 มีรายได้ 300 ล้านบาท
นายยงศักดิ์ เอกปรัชญาสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท คลีน คาราโอเกะ จำกัด ในเครือจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ เปิดเผยว่า แกรมมี่ได้ขยายตัวเข้าสู่ธุรกิจ Singing Business หรือตลาดการร้องเพลงอย่างเต็มรูปแบบ ด้วยการควบรวมกิจการกับกลุ่มมิวสิค พาวิลเลียน โดยนายทวีชัย ตรีธารทิพย์ ผู้ประกอบการตู้คาราโอเกะบนโมเดิร์นเทรดรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และนายธัญญะ ดาวเรือง ผู้ผลิตตู้คาราโอเกะรายใหญ่ โดยร่วมกันบริหารงานภายใต้ บริษัท คลีน คาราโอเกะ จำกัด โดยมีบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่
“การที่แกรมมี่รุกสู่ธุรกิจ Singing Business เป็นเพราะแกรมมี่เป็นเจ้าของซอฟต์แวร์เพลงรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ปัจจุบันเพลงของแกรมมี่มีส่วนแบ่งในตลาดคาราโอเกะประมาณ 70% ขณะที่กลุ่มมิวสิค พาวิลเลียน เป็นผู้ประกอบการตู้คาราโอเกะรายใหญ่ มีจำนวนตู้ตั้งอยู่ในโมเดิร์นเทรดกว่า 1,500 ตู้ทั่วประเทศ ซึ่งการควบรวมกิจการในครั้งนี้ ส่งผลให้ คลีน คาราโอเกะ เป็นผู้ประกอบการธุรกิจคาราโอเกะรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และมีทำเลอยู่ในย่านใจกลางธุรกิจแทบทั้งสิ้น” นายยงศักดิ์ กล่าว
นอกจากนี้ การทำธุรกิจคาราโอเกะ ยังทำให้แกรมมี่สามารถนำฐานข้อมูลของลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ คลีน คาราโอเกะ มาใช้ในการทำการตลาดให้แก่ธุรกิจเพลง , ธุรกิจบริหารศิลปิน และธุรกิจ Show Business ได้เป็นอย่างดี รวมทั้งเป็นการขยายช่องทางการจำหน่ายเพลงของแกรมมี่ในรูปแบบการร้องเพลง ซึ่งเป็นช่องทางใหม่ที่มีแนวโน้มเติบโตสูงอีกด้วย
สำหรับจุดเด่นของ คลีน คาราโอเกะ คือ เป็นการให้บริการคาราโอเกะที่เน้นกลุ่มครอบครัวเป็นหลัก ภายในคลีน คาราโอเกะ จะให้บริการร้องเพลงที่เหมาะกับคนทุกเพศทุกวัย นอกจากนี้ บริษัทฯยังได้นำระบบเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ สำหรับการบันทึกข้อมูลการใช้งานเพลงของลูกค้า เพื่อให้ตรวจสอบการใช้งานเพลงได้อย่างถูกต้องแม่นยำ ส่งผลให้การจัดเก็บค่าลิขสิทธิ์ การจ่ายผลตอบแทนให้แก่เจ้าของสิทธิ์ เป็นไปอย่างถูกต้อง เป็นธรรม และเก็บจากการใช้งานจริง มิใช่จัดเก็บแบบเหมาจ่ายเช่นในปัจจุบัน ซึ่งแนวทางนี้ได้รับการตอบรับจากค่ายเพลงชั้นนำกว่า 30 ค่ายเพลงในการเข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับคลีน คาราโอเกะ และโปรแกรมที่จัดทำขึ้นนี้บริษัทฯ จะนำไปให้บริการแก่คาราโอเกะในร้านอาหารและภัตตาคารด้วย
ปัจจุบัน คลีน คาราโอเกะ มีจำนวนตู้กว่า 1,700 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในช่องทางโมเดิร์นเทรด โดยคาดว่ารายได้เฉลี่ยต่อตู้จะอยู่ในช่วง 8,000 - 12,000 บาท / เดือน ทั้งนี้บริษัทฯ จะขยายเป็น 2,000 ตู้ภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งคาดว่าในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2549 คลีน คาราโอเกะ จะมีรายได้จากการให้บริการกว่า 100 ล้านบาท และในปี 2550 คาดว่าจะมีรายได้ถึง 300 ล้านบาท
นายยงศักดิ์ กล่าวอีกว่า นอกจากการขยายตัวของคลีน คาราโอเกะ ที่เน้นลงทุนในช่องทางโมเดิร์นเทรดเป็นหลักแล้ว คลีน คาราโอเกะ ยังรับบริหารร้านคาราโอเกะให้แก่ผู้ประกอบการที่มีตู้คาราโอเกะอยู่แล้ว และต้องการจะปรับปรุงร้านค้าให้ทันสมัยภายใต้ชื่อ คลีน คาราโอเกะ โดยผู้ประกอบการธุรกิจคาราโอเกะในปัจจุบัน สามารถติดต่อได้ที่หมายเลข 0-2669-9220-2 หรือ www.cleankaraoke.com
ส่วนตู้คาราโอเกะหยอดเหรียญแบบดั้งเดิม ที่ส่วนใหญ่จะอยู่ตามร้านอาหารข้างทางนั้น บริษัทจะจัดตั้ง “คลีน คาราโอเกะ เซ็นเตอร์” สำหรับช่วยเหลือผู้ประกอบการในการบริหารจัดการ เพื่อให้การใช้สิทธิ์เพลงคาราโอเกะมีความถูกต้อง และเสียค่าลิขสิทธิ์อย่างเป็นธรรม ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาเรื่องการถูกบุคคลอื่นแอบอ้างเป็นเจ้าของสิทธิ์มาเรียกเก็บค่าลิขสิทธิ์ซ้ำซ้อนด้วย
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ
กุ้ง 0-1696-4985 , ตาล 0-1668-8100 , กบ 0-1371-2795
พราว 0-1485-6485 , บี 0-1831-4865
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net