กรุงเทพฯ--9 มี.ค.--สถาบันบริหารกองทุนพลังงาน
นายศิวะนันท์ ณ นคร ผู้อำนวยการสถาบันบริหารกองทุนพลังงาน เปิดเผยว่า ปัจจุบันสถานะของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมีฐานะดีขึ้น โดยติดลบลดลงจากประมาณ 83,000 ล้านบาท เมื่อเดือนกันยายน 2548 เหลือประมาณ 70,203 ล้านบาท ณ ปัจจุบัน และมีรายได้เพิ่มขึ้นจากเงินส่งเข้ากองทุนฯ ทำให้สามารถเพิ่มการชำระหนี้ก๊าซหุงต้ม (LPG)ได้ประมาณ 500 ล้านบาทต่อเดือน จากเดิมเมื่อปี 2548 ได้ชำระหนี้LPGอยู่ในระดับ 250 ล้านบาทต่อเดือน เพิ่มเป็น 750 ล้านบาทต่อเดือนในเดือนมีนาคม 2549 นี้
ภายหลังยกเลิกชดเชยราคาน้ำมันตั้งแต่วันที่ 13 กรกฎาคม 2548 ทำให้กองทุนฯ มีสภาพคล่องมากขึ้น และมีรายได้อยู่ที่ระดับประมาณ 4,500 ล้านบาท ซึ่งก่อนออกพันธบัตรสถาบันบริหารกองทุนพลังงาน เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2548 ก็ได้ชี้แจงและเปิดเผยให้นักลงทุนทราบถึงภาระหนี้ของกองทุนน้ำมันฯ จำนวน 83,050 ล้านบาท โดยประกอบด้วยภาระหนี้สถาบันการเงิน 71,000 ล้านบาทและหนี้ค้างชำระราคาLPG9,291 ล้านบาท หนี้ค้างชำระชดเชยราคาน้ำมันเชื้อเพลิง 2,600 ล้านบาทหนี้เงินคืนอื่นๆ 159 ล้านบาท
“ในช่วงก่อนหน้าการออกพันธบัตร สบพ. นั้น สบพ.มุ่งชดเชยภาระหนี้จากการชดเชยราคาน้ำมันก่อน เนื่องจากเป็นหนี้จำนวนมาก หากไม่ชำระอาจส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องทางการเงินของผู้ประกอบการ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการซื้อน้ำมันดิบเพื่อเข้ากลั่นของผู้ค้าน้ำมันและส่งผลกระทบต่อความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศและประชาชน ส่วนหนี้LPGนั้น ผู้ผลิตให้ความร่วมมือ โดยยอมที่จะรับภาระหนี้บางส่วนไว้ก่อน โดยในช่วงปี 2548 กองทุนน้ำมันฯ ได้ชำระหนี้LPGอยู่ในระดับ 250 ล้านบาทต่อเดือน แต่ในปี 2549 นี้กองทุนฯ มีสภาพคล่องดีขึ้นจึงได้ชำระหนี้LPGมากขึ้น โดยคาดว่าจะชำระได้ไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาทต่อเดือน ซึ่งในเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ 2549 ได้ชำระ 754 ล้านบาทต่อเดือน และเดือนมีนาคม 2549 นี้ คาดว่าสามารถชำระได้ประมาณ 750 ล้านบาท โดยคาดว่าจะสามารถชำระหนี้ LPGได้หมดภายในปี 2551”
อย่างไรก็ตามแม้ปัจจุบันราคาLPGในตลาดโลกจะเคลื่อนไหวอยู่ในระดับสูง โดยในเดือนกุมภาพันธ์ 2549 อยู่ที่ระดับราคา 624 เหรียญสหรัฐต่อตัน และลดลงมาบ้างในเดือนมีนาคม 2549 อยู่ที่ระดับ 530 เหรียญต่อตัน แต่รัฐบาลได้กำหนดเพดานการชดเชยราคาก๊าซหุงต้มให้กับผู้ค้าที่ระดับไม่เกิน 315 เหรียญต่อตันเท่านั้น ส่งผลให้อัตราการชดเชยราคาก๊าซหุงต้มจะไม่เกินเดือนละประมาณ535 ล้านบาท ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับอัตราแลกเปลี่ยน
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net