การบินไทยเปิดจุดบินใหม่บินตรงสู่เมืองโจฮันเนสเบิร์ก สาธารณรัฐแอฟริกาใต้

จันทร์ ๓๐ ตุลาคม ๒๐๐๖ ๑๗:๓๓
กรุงเทพฯ--30 ต.ค.--การบินไทย
บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเส้นทางบินใหม่ทำการบินตรงสู่เมืองโจฮันเนสเบิร์ก สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ เริ่มทำการบินแรกเที่ยวบินที่ ทีจี 703 เส้นทางกรุงเทพฯ —โจฮันเนสเบิร์ก ในวันอังคารที่ 31 ตุลาคม 2549 โดยมี นายธีรพล โชติชนาภิบาล ผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายขาย บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เป็นประธานในพิธีเปิด โดยมี นายเรืองยศ ภมรมนตรี ผู้อำนวยการฝ่ายภาคพื้นยุโรปและแอฟริกา ฝ่ายบริหาร นักบิน ลูกเรือในเที่ยวบินดังกล่าวร่วมในพิธีและร่วมเดินทางไปในเที่ยวบินดังกล่าว ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และเมื่อเดินทางถึงสาธารณรัฐแอฟริกาใต้ ฯพณฯ นายโดมเดช บุนนาค เอกอัครราชทูต ณ กรุงพริทอเรีย นายอดิศัย ธรรมคุปต์ อัครราชทูตสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงพริทอเรีย ร่วมในพิธีต้อนรับเที่ยวบินปฐมฤกษ์ดังกล่าว ณ ท่าอากาศยาน O.R.Tambo เมืองโจฮันเนสเบิร์ก
นายวัลลภ พุกกะณะสุต รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายการพาณิชย์ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าบริษัทฯ มีนโยบายในการพัฒนาเครือข่ายการบินทั้งในเส้นทางข้ามทวีปและภูมิภาคให้เชื่อมต่อกันอย่างทั่วถึง โดยจะขยายเครือข่ายการบินให้มากขึ้นและครอบคลุมไปทั่วโลกเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้แก่ผู้โดยสารและสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลในการให้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการบินของเอเชีย โดยปีที่ผ่านมา การบินไทยได้เปิดเส้นทางบินตรงไปยังนิวยอร์ก มอสโก โอ๊คแลนด์และลอสแองเจลีส ทั้งนี้ที่ผ่านมาการบินไทยยังไม่มีจุดบินในทวีปแอฟริกามาก่อน การบินไทยจึงได้ทำการศึกษาเส้นทางการบิน กรุงเทพฯ-โจฮันเนสเบิร์กพบว่าเป็นจุดบินที่มีศักยภาพโดยเมืองโจฮันเนสเบิร์กเป็นเมืองใหญ่ที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน และศูนย์กลางการบินของทั้งสาธารณรัฐแอฟริกาใต้ และทวีปแอฟริกาจึงได้ทำการเปิดจุดบินไปยังโจฮันเนสเบิร์กซึ่งนับเป็นจุดบินที่ 75 ของการบินไทย และทำให้การบินไทยมีจุดบินครอบคลุมทั้ง 5 ทวีป ได้แก่ เอเชีย ออสเตรเลีย ยุโรป อเมริกาเหนือ และแอฟริกา
การบินไทยจะทำการบินตรงเส้นทางไป-กลับ กรุงเทพฯ-โจฮันเนสเบิร์ก ในตารางบิน ฤดูหนาวปีนี้ โดยเริ่มเที่ยวบินปฐมฤกษ์ในวันที่ 31 ตุลาคม 2549 เป็นต้นไป โดยทำการบินสัปดาห์ละ 3 เที่ยวบิน ในวันอังคาร พฤหัสบดี และเสาร์ ใช้เวลาทำการบินประมาณ 11 ชั่วโมง ด้วยเที่ยวไป เที่ยวบินที่ทีจี 703 ออกจากกรุงเทพฯ เวลา 00.15 น. ถึงโจฮันเนสเบิร์ก เวลาประมาณ 06.20 น. และเที่ยวกลับ เที่ยวบินที่ทีจี 704 ออกจากโจฮันเนสเบิร์ก เวลา 13.45 น. ถึงกรุงเทพฯ เวลาประมาณ 05.45 น. โดยทำการบินด้วยเครื่องบินแบบแอร์บัส เอ 340-600 ขนาด 267 ที่นั่ง แบ่งเป็นชั้น รอยัล เฟิร์ส คลาส (Royal First Class) จำนวน 8 ที่นั่ง รอยัล ซิลค์ คลาส (Royal Silk Class) จำนวน 60 ที่นั่ง และชั้นประหยัดจำนวน 199 ที่นั่ง สำหรับสมาชิกรอยัล ออร์คิด พลัสในการเดินทางด้วยเที่ยวบินของการบินไทยในเส้นทางกรุงเทพฯ-โจฮันเนสเบิร์ก(ไป-กลับ) จะได้รับไมล์สะสมรอยัล ออร์คิด พลัส โดยเฉพาะระหว่างวันที่ 31ตุลาคม-31 ธันวาคม 2549 นี้ จะได้รับไมล์สะสมพิเศษเพิ่มขึ้นจากปกติดังนี้ ชั้นหนึ่ง 2,500 ไมล์ ชั้นรอยัล ออร์คิด ซิลค์ 2,000 ไมล์ ชั้นประหยัด 1,000 ไมล์ ทุกเที่ยวบิน
การเปิดเที่ยวบินตรงไปยังเมืองโจฮันเนสเบิร์ก เป็นการเชื่อมต่อเส้นทางบินที่สำคัญระหว่าง 2 ทวีป คือ ทวีปเอเชีย และทวีปแอฟริกา ส่งผลให้ผู้โดยสารและนักเดินทาง สามารถเดินทางที่รวดเร็วและสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้การบินไทยได้ทำการบินร่วม (Code Share) กับสายการบินเซ้าท์ แอฟริกัน แอร์เวย์ส (South African Airways) ทำให้เพิ่มความสะดวกในการเดินทางยังเมืองต่างๆ ภายในประเทศสาธารณรัฐแอฟริกาใต้ และเชื่อมต่อจุดบินในทวีปแอฟริกาได้สะดวก รวมทั้งสมาชิกรอยัลออร์คิดพลัสยังได้รับไมล์สะสมอีกด้วย เนื่องจากเป็นหนึ่งในสายการบินพันธมิตรสตาร์ อัลไลแอนซ์ ( Star Alliance) บริษัทฯ คาดว่าจุดบินนี้จะได้รับความสนใจจากนักธุรกิจและนักท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่น จีน เกาหลี ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์และ ฟิลิปปินส์บินเข้าสู่แอฟริกา นอกจากนี้ กลุ่มนักท่องเที่ยวและนักธุรกิจจากโจฮันเนสเบิร์กและประเทศเพื่อนบ้านของแอฟริกาใต้ ได้แก่ บอสวานา ซิมบับเว นามิเบีย และมาดากัสการ์ สามารถเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในทวีปเอเชียได้อย่างสะดวกสบายเช่นกัน โดยคาดว่าจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวทั่วประเทศไทยและสาธาณรัฐแอฟริกาเพิ่มมากขึ้น ทั้งประเทศไทยถือได้ว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในสาธารณรัฐแอฟริกาใต้ ขณะที่นักท่องเที่ยวในเอเชียสนใจเดินทางท่องเที่ยวในสาธารณรัฐแอฟริกาใต้ ทั้งนี้นักท่องเที่ยวชาวไทยสามารถเดินทางไปท่องเที่ยวได้โดยไม่ต้องขอวีซ่า ถ้าอยู่ไม่เกิน 30 วัน ตลาดกลุ่มเป้าหมายของการบินไทย ได้แก่ นักธุรกิจ นักท่องเที่ยว จากสาธารณรัฐแอฟริกาใต้และกลุ่มประเทศแอฟริกา ที่ต้องการเดินทางมาท่องเที่ยว พักผ่อน และทำธุรกิจในประเทศไทยและประเทศใกล้เคียง นอกจากนี้ การบินไทยวางแผนที่จะเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวขาออก (Outbound) ด้วยรายการส่งเสริมการท่องเที่ยว รอยัล ออร์คิด ฮอลิเดย์ (Royal Orchid Holiday) ของการบินไทยสำหรับเที่ยวบินขาออก เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวจากประเทศไทยและประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อาทิ ญี่ปุ่น จีน ไต้หวัน ฟิลิปปินส์ จะเดินทางไปโจฮันเนสเบิร์กเพื่อการท่องเที่ยวธรรมชาติแบบผจญภัยชมสัตว์ป่า ชมความงามของบ้านเมือง ส่วนนักธุรกิจจะเข้าไปติดต่อธุรกิจเกี่ยวกับอัญมณี เนื่องจากแอฟริกาใต้เป็นประเทศที่มีทรัพยากรธรรมชาติอุดมสมบูรณ์เป็นแหล่งแร่ที่ใหญ่ที่สุดในโลก เป็นผู้ผลิตทองคำรายใหญ่ที่สุดในโลก และมีแร่ธาตุที่สำคัญมากมาย
เมืองโจฮันเนสเบิร์ก หรือ โจ’เบิร์ก หรือ อิโกลี่ มีความหมายคือ นครแห่งทองคำ เป็นเมืองที่มีความสำคัญเป็นอันดับ 3 ของสาธารณรัฐแอฟริกาใต้ รองจาก เมืองพริทอเรีย เมืองหลวง และเคปทาวน์ โดยเป็นเมืองธุรกิจการค้า อุตสาหกรรม และศูนย์กลางการบินที่สำคัญ และเป็นจุดเชื่อมต่อของเที่ยวบินที่จะเดินทางต่อไปยังเมืองท่องเที่ยวต่างๆ ในทวีปแอฟริกา อาทิ เคปทาวน์ พอร์ต เอลิซาเบธ มีประชากรกว่า 3 ล้านคน พื้นที่ประมาณ 1,644 ตารางกิโลเมตร มีสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญ อาทิ Sterkfontein Caves มีอายุประมาณ 3.3 ล้านปี , พิพิธภัณฑ์ Apartheid หรือ พิพิธภัณฑ์ Hector Pierson ,เหมืองทองเก่า โกลด์รีฟซิตี้ (The Gold Reef City) , สวนสัตว์โจฮันเนสเบิร์ก และ The Cradle of Humankind ซึ่งองค์การยูเนสโก UNESCO จัดเป็นมรดกโลกด้วย
สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ เป็นประเทศที่มีที่ตั้งอยู่ทางใต้สุดของทวีปแอฟริกา มีพื้นที่ประมาณ 1,221,037 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 2.5 เท่าของประเทศไทย ประชากรประมาณ 45.7 ล้านคน เมืองหลวงชื่อ กรุงพริทิเรีย ภาษาราชการ อังกฤษ ภาษาอื่นๆ ที่ใช้ AFRIKAANS NDEBELE , XHOSA, PEDI และ ZULU นับถือศาสนา คริสต์ (68 %) มุสลิม ฮินดู หน่วยเงินตรา แอฟริกันแรนด์ (1 แอฟริกันแรนด์ มีค่าประมาณ 5 บาทไทย) วันชาติ 27 เมษายน ระบอบการปกครอง แบบสาธารณรัฐ มีประธานาธิบดีเป็นประมุขของประเทศการท่องป่าซาฟารี เป็นไฮไลท์ของการเดินทางท่องเที่ยวที่แอฟริกาใต้ เป็นการชมสัตว์ป่าที่อาศัยอยู่อย่างอิสระเสรีตามธรรมชาติในป่าต่างๆ โดยเป็นประเทศที่รวมความหลากหลายของพืชและสัตว์ป่านานาชนิด โดยเฉพาะ BIG FIVE สัตว์ใหญ่ 5 ชนิดแห่งซาฟารี ได้แก่ ช้าง เสือดาว สิงโต ควายป่า และแรด

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๒๑ 60 ปีแห่งความมุ่งมั่น! คาโอ คว้ารางวัลอุตสาหกรรมดีเด่น 2 ประเภทในปี 2567 ชูความสำเร็จด้านสิ่งแวดล้อมและความรับผิดชอบต่อสังคม
๑๗:๒๓ AVATR ก้าวสู่ความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่! ระดมทุนในรอบ Series C ได้มากกว่า 11,000 ล้านหยวน พร้อมก้าวสู่ความเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าหรูหราแห่งอนาคต
๑๗:๐๖ Zoom เปิด 10 เทรนด์ ใช้ AI ในการทำงานปี 2568
๑๗:๑๐ เปิดมุมมองอาชีพที่หลากหลายในอุตสาหกรรมกาแฟไทย เจาะลึกบทบาทและแนวทางยกระดับสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
๑๗:๑๔ อนาคตแห่งการเดินทาง: 5 คนขับ AI จากแอปเรียกรถ Maxim
๑๗:๕๕ Well-Being House บ้านชั้นเดียวเอาใจคนวัยเกษียณ
๑๗:๑๖ กทม. แจงเปิดกว้างการแข่งขันโครงการเช่าคอมพิวเตอร์พกพาสำหรับนักเรียน
๑๖:๓๗ รายงาน Ericsson Mobility Report ฉบับล่าสุด เผยผู้เริ่มให้บริการ 5G กลุ่มแรกกำลังมุ่งสู่โมเดลธุรกิจที่เน้นประสิทธิภาพ
๑๗:๒๕ เมดีซ กรุ๊ป ร่วมสมทบทุนสนับสนุนมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช ช่วยผู้ป่วยในชนบท ถิ่นทุรกันดารที่ห่างไกล
๑๖:๔๔ CNN จับตา นวัตกรรมล่าสุดจากนักวิจัยไทย พลิกโฉมการตรวจคัดกรองความเครียดด้วย เหงื่อ