กรุงเทพฯ--27 มี.ค.--กรุงศรีอยุธยา
ม.ร.ว.ศศิพฤนท์ จันทรทัต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) - AYS เปิดเผยว่า บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) — AYS ได้ดำเนินการจัดตั้งบริษัท อยุธยา ดิริฟวทีฟส์ จำกัด - AYD โดย AYS ถือหุ้น 99.9% ซึ่งการจัดตั้งบริษัท AYDขึ้นเป็นการเฉพาะนี้ เนื่องจากมองว่าตลาดอนุพันธ์จะมีปริมาณการซื้อขายตราสารอนุพันธ์ที่สูงมากในอนาคต ดังนั้น เราจึงต้องการให้ AYD มีการบริหารงานอย่างเป็นอิสระ และสามารถวัดผลการดำเนินงานได้อย่างชัดเจน
การซื้อขายตราสารอนุพันธ์ถือว่าเป็นธุรกรรม่ใหม่ในประเทศไทย และที่สำคัญต้องอาศัยความเข้าใจและความชำนาญของผู้ที่เกี่ยวข้องเป็นอย่างมาก ดังนั้นบริษัทจึงเร่งเตรียมความพร้อมในด้านบุคลากรและระบบงาน โดยปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับผู้ประกอบการที่ชำนาญจากต่างประเทศรายหลาย ซึ่งกลุ่มนี้มีโอกาสที่จะเข้ามาร่วมลงทุนใน AYD ในสัดส่วนประมาณ 25% ตามเพดานที่ก.ล.ต.กำหนด ได้ในอนาคต
“ในช่วงต้น เนื่องจากมีโบรกเกอร์จำนวน 20 ราย เราจึงคาดหวังส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ระดับ 5% ซึ่งจะมาจากฐานลูกค้าที่ลงทุนในตลาดหุ้นของ AYS หลังจากนั้น เรามั่นใจว่าหาก TFEX มีสินค้าใหม่ๆเข้ามา ไม่ว่าจะเป็น Interest Rate Futures, Index Options หรือ Stock Options ฐานผู้ลงทุนจะครอบคลุมไปถึงลูกค้าเงินฝากของธนาคาร และกลุ่มลูกค้าประกันชีวิต รวมถึง ผู้มีเงินออมโดยทั่วไป ซึ่งจากการที่บริษัท AYD เป็นบริษัทในเครือธนาคารกรุงศรีอยุธยา ซึ่งมีบริการการเงินที่มีความครบถ้วนแล้ว จะทำให้มีความพร้อมในการขยายฐานธุรกรรมของ AYD ขึ้นอีกมาก ถึงวันนั้นคาดว่าส่วนแบ่งทางการตลาดของ AYD จะถึง 10% อย่างแน่นอน”
นายนิทิต พุกกะณะสุต กรรมการผู้จัดการ บริษัท อยุธยา ดิริฟวทีฟส์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทอยุธยา ดิริฟวทีฟส์ จำกัด ขณะนี้มีความพร้อมทางด้านระบบเพื่อรองรับการซื้อขายแล้ว
โดยบริษัทได้ทำการทดลองการซื้อขายมาตั้งแต่ต้นปี และทางสำนักงาน ก.ล.ต. จะเข้ามาตรวจความพร้อมของระบบในวันที่ 3-4 เมษายนนี้ ส่วนความพร้อมของเจ้าหน้าที่การตลาดนั้น บริษัทฯก็จัดให้มีการอบรมและสอบใบอนุญาต ตามโครงการของตลาดอนุพันธ์ (TFEX) รวมถึงได้เริ่มติดต่อกับลูกค้าที่ให้ความสนใจและมีศักยภาพที่จะลงทุนในตลาดอนุพันธ์
“Set 50 Index Futures เป็นสินค้าตัวแรกที่จะซื้อขาย คาดว่าคงจะไม่ยาก และไม่ซับซ้อนมากนักสำหรับนักลงทุน แต่หากว่ามีการนำเอาหุ้นกู้ หรืออัตราดอกเบี้ยมาอ้างอิงในการซื้อขายอาจจะมีความซับซ้อนมากขึ้น ซึ่งบริษัทก็มีแผนที่จะขอให้ทางธนาคารกรุงศรีอยุธยา ให้การสนับสนุน โดยในช่วงแรกนี้กลุ่มเป้าหมายของบริษัท ยังเป็นกลุ่มที่ซื้อขายหุ้นอยู่ คาดว่าหลังเปิดดำเนินการซื้อขายจะมีมาร์เก็ตแชร์อยู่ที่ 5% ซึ่งขณะนี้เริ่มมีลูกค้ามาเปิดบัญชีแล้ว ทั้งนี้ คาดว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทจะถึงจุดคุ้มทุนได้คงใช้เวลาประมาณ 2 — 3 ปี” กรรมการผู้จัดการ กล่าว
อย่างไรก็ตามปัจจัยที่จะทำให้บริษัทฯสามารถทำได้ตามเป้าที่วางไว้นั้น เราจะต้องเน้นการพัฒนาบุคลากรด้านมาร์เก็ตติ้ง ให้เข้าใจถึงสินค้า และสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับนักลงทุน รวมถึงการลงทุนจะต้องมีวินัยเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น
นายนิทิตยังกล่าวอีกว่า ตลาดอนุพันธ์ที่จะเปิดทำการซื้อขายในวันที่ 28 เมษายนนี้ คาดว่าในช่วง 3-6 เดือน คงจะเป็นช่วงที่ต้องติดตามบรรยากาศว่าจะได้รับความสนใจและมีการซื้อขายอย่างไรบ้าง แต่ก็เชื่อว่าตลาดอนุพันธ์จะเป็นตลาดที่ได้รับความสนใจอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีตราสารอนุพันธ์ใหม่ทยอยเข้ามาในระบบการซื้อขายมากขึ้น
“สำหรับผมเองเป้าหมายแรกคือต้องการให้นักลงทุนเข้าใจไม่อยากให้มองเป็นการแข่งขันในระหว่างบริษัทที่เป็นนายหน้าซื้อขายสัญญาล่วงหน้า เพราะถ้านักลงทุนมีความเข้าใจ การขยายฐานนักลงทุนก็จะไม่ยากนัก และจะช่วยให้มีสินค้าตัวใหม่เข้ามาเพิ่มขึ้นเป็นระยะๆ ซึ่งนักลงทุนที่มีเงินฝากก็สามารถบริหารเงินฝากโดยใช้ Futures เป็นเครื่องมือในการบริหารความเสี่ยงได้ดีขึ้น ”
แม้ว่าปัจจัยทางด้านเมืองที่ยังยืดเยื้อ จะส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้น แต่เชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อการซื้อขายตราสารอนุพันธ์ เพราะการเปิดการซื้อขาย Futures ตอนที่ตลาดหุ้นยังไม่น่าลงทุน ตลาดอนุพันธ์กลับจะเป็นที่น่าสนใจมากยิ่งขึ้น เพราะนักลงทุนสามารถหาจังหวะทำกำไรได้ทั้งขาขึ้น และขาลง นายนิทิต กล่าวในที่สุด
เผยแพร่ในนาม บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)
ต้องการรายละเอียดเพิ่มเติมเพื่อเผยแพร่ข่าวกรุณาติดต่อ
คุณณ มาดา แสงนิ่มนวล หรือคุณอริสรา สินธุเสน
โทร 0-2659-7000 ต่อ 4211, 0-1684-5420
e-mail: [email protected] , [email protected]
- ๒๓ พ.ย. KH Academy จับมือ 5 บล. ชั้นนำเมืองไทย เปิดหลักสูตร "Prep for Investment Analyst" ปั้นเยาวชนสู่นักวิเคราะห์หลักทรัพย์
- พ.ย. ๒๕๖๗ กรุงศรีประสบความสำเร็จในการเข้าซื้อกิจการบริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสินและเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน
- พ.ย. ๒๕๖๗ กรุงศรี เปิดโครงการ "IC NEXT GEN PROGRAM" เฟ้นหาผู้แนะนำการลงทุนรุ่นใหม่ไฟแรง