ผู้ถือหุ้นปิคนิคลงมติเอกฉันท์ให้เพิ่มทุน 1,477,673,297 หุ้น

กรุงเทพฯ--22 มี.ค.--ปิคนิค คอร์ปอเรชั่น
นายณัฐชัย อร่ามรัศมีวาณิชย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ปิคนิค คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับการจัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2549 ในวันที่ 21 มีนาคม 2549 ว่าเป็นการประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อขออนุมติการเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัท จำนวน 1,477,673,297 บาท จากทุนจดทะเบียน 2,975,676,673 บาท เป็นทุนจดทะเบียน 4,453,349,970 บาท โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ในการขยายธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับพลังงานและวิศวกรรม หรือลงทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือบริษัทมหาชนที่ไม่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือลงทุนในบริษัทจำกัดประมาณ 500 ล้านบาท ส่วนที่ 2 ใช้ในการชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ ประมาณ 500 ล้านบาท และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนของประมาณ 477 ล้านบาท
นายณัฐชัยกล่าวว่า “ การประชุมครั้งนี้มีมติเป็นเอกฉันท์ให้เพิ่มทุนจำนวน1,477,673,297 หุ้น โดยการจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนครั้งนี้เรามีการรองรับไว้หลายทางเลือกในการจัดสรร โดยขั้นตอนแรกเป็นการจัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมในสัดส่วน 2 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ ในมูลค่าที่ตราไว้ราคาหุ้นละ 1 บาทรวมเป็น 1,477,673,297 บาท กรณีที่มีหุ้นสามัญ เหลือจากการเสนอขายข้างต้นจะให้คณะกรรมการบริษัท หรือผู้ที่คณะกรรมการบริษัทมอบหมาย เป็นผู้มีอำนาจในการพิจารณาจัดสรรหุ้นที่ไม่ได้รับการจองซื้อแก่ผู้ถือหุ้นเดิมที่แสดงความจำนงจะซื้อหุ้นเพิ่มทุนเกินสิทธิ
ซึ่งหากมีหุ้นเพิ่มทุนเหลือจากการเสนอขาย จะมีการเสนอขายให้แก่บุคคลในวงจำกัด หรือผู้ลงทุนที่มีลักษณะเฉพาะ และในกรณีที่มีหุ้นเพิ่มทุนเหลือจากการเสนอขายแก่ Private Placement แล้ว จะเป็นการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนดังกล่าว เพื่อชำระหนี้ตามโครงการแปลงหนี้เป็นทุน ซึ่งบริษัทฯ จะดำเนินการให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป
โดยนอกเหนือจากการอนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนแล้ว ผู้ถือหุ้นยังอนุมัติการแก้ไขเพิ่มเติมหนังสือบริคณห์สนธิของบริษัท ข้อ 4 เพื่อให้สอดคล้องกับการเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทฯ
เรามั่นใจว่าการเพิ่มทุนครั้งนี้จะสามารถประสบผลสำเร็จไปได้ด้วยดี เพราะการเพิ่มทุนในครั้งนี้ทางผู้บริหารพิจารณาแล้วเห็นว่าเป็นทางออกที่เหมาะสมที่สุด และจะก่อเกิดประโยชน์สูงสุดต่อทุกฝ่าย ตลอดจนจะสามารถขับเคลื่อนให้ธุรกิจของเราเดินหน้าตามแผนนโยบายที่วางไว้ ” นายณัฐชัยกล่าว