เอกชนวอนรัฐทบทวนมาตรการ สชอ. เดินสายรณรงค์รู้ทันแอลกอฮอล์

ศุกร์ ๐๓ พฤศจิกายน ๒๐๐๖ ๑๗:๐๑
กรุงเทพฯ--3 พ.ย.--อาซิแอม เบอร์สัน-มาร์สเตลเลอร์
เอกชนหวั่นนโยบายภาครัฐห้ามโฆษณาแอลกอฮอล์ส่งผลกระทบวงกว้าง เสนอภาครัฐทบทวน เปิดโอกาสให้เอกชนได้ร่วมเสนอข้อมูล ส่วนสชอ. เดินสายจัดสัมมนาภาคเหนือ รณรงค์เยาวชนป้องกันการเกิดนักดื่มหน้าใหม่
นายบุญช่วย ทองเจริญพูลพร เลขาธิการสมาพันธ์เพื่อช่วยภาครัฐลดปัญหาจากการบริโภคเครื่องดื่ม แอลกอฮอล์แห่งชาติ (สชอ.) เปิดเผยว่า สชอ. ได้จัดตั้งคณะทำงานรวม 4 กลุ่มเพื่อศึกษาถึงผลกระทบของประกาศห้ามโฆษณาของกระทรวงสาธารณสุขตลอดจนการแก้ไขปัญหาแอลกอฮอล์ที่ถูกจุด ประกอบด้วย 1. กลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจแอลกอฮอล์ 2. กลุ่มผู้จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เช่น ผู้ค้าปลีก โรงแรม ภัตตาคาร 3. กลุ่มผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง เช่น บริษัทโฆษณา ร้านทำป้าย สาวเชียร์เบียร์ และ 4. กลุ่มองค์กรอิสระ เช่น มูลนิธิแพทย์ทางเลือก มูลนิธิธรรมศาสตร์
“สมาชิก สชอ. พิจารณาแล้วว่า รัฐบาลกำลังแก้ปัญหาแอลกอฮอล์อย่างไม่ถูกจุดและยังทำให้เกิดผลกระทบในวงกว้าง สชอ. จึงอยากนำเสนอความคิดเห็นที่ได้ประมวลจากกรณีศึกษาที่ประสบความสำเร็จในต่างประเทศ รวมถึงการส่งเสริมให้ทุกฝ่ายมีความรับผิดชอบมากยิ่งขึ้น ทั้งภาครัฐในฐานะผู้กำกับดูแลมีการบังคับใช้กฎหมายที่มีอยู่แล้วอย่างจริงจัง ผู้ประกอบการมีจริยธรรมในการดำเนินงานมากขึ้น และผู้บริโภคต้องมีความรับผิดชอบและรู้ทันแอลกอฮอล์”
โดยก่อนหน้านี้ สมาชิก สชอ. ได้ร่วมลงนามและให้สัตยาบันในจุดยืนและข้อตกลง 3 ข้อ ได้แก่ 1) ส่งเสริมให้มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างมีประสิทธิภาพและเที่ยงธรรม ถูกต้องกับสภาพความเป็นจริงในสังคม 2) การมีระบบ จัดเก็บภาษีที่บังคับใช้ได้อย่างเที่ยงธรรม และสามารถควบคุมการบริโภคแอลกอฮอล์ได้จริง และ 3) การสร้างค่านิยมของสังคมให้มีจริยธรรมและความรับผิดชอบ ตลอดจนส่งเสริมคุณภาพชีวิต ด้วยการให้ประชาชนมีทักษะชีวิตและรู้ทันแอลกอฮอล์
นายบุญช่วยกล่าวต่อไปว่า “สชอ. เสนอให้รัฐบังคับใช้กฎหมายที่มีอยู่แล้วอย่างจริงจัง เช่น การควบคุมและตรวจสอบใบอนุญาตจำหน่ายสุรา การตรวจวัดลมหายใจและตรวจบัตร เพราะกฎหมายชัดเจนไม่ต้องตีความ ตลอดจนส่งเสริมวัฒนธรรมการคิดก่อนดื่ม หรือการปฏิเสธไม่ใช่เรื่องน่าอายแต่การเมามายเป็นเรื่องน่าอาย การเปลี่ยนพฤติกรรมหรือส่งเสริมวัฒนธรรมปลอดภัยเป็นการแก้ปัญหาที่ถูกจุดกว่าห้าม ซึ่งไม่ได้แก้ปัญหาอะไร ดังนั้นการจัดระเบียบร่วมกันจะควบคุมการบริโภคสุราทั้งในที่ลับที่แจ้งได้”
“การให้การศึกษาให้รู้ทันแอลกอฮอล์จะเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันถาวรแก่เยาวชน เราจึงเข้าร่วมกับชมรมรักกันเตือนกันจัดสัมมนาเพื่อให้ความรู้แก่นักศึกษา ตลอดจนรณรงค์ให้มีการจัดระเบียบในชุมชนมหาวิทยาลัยและบริเวณโดยรอบเพื่อแก้ปัญหาแอลกอฮอล์ โดยเฉพาะปัญหาการดื่มแอลกอฮอล์ก่อนวัยของเยาวชนอย่างได้ผลจริง เป็นการสนับสนุนให้รักกันเตือนกันมากกว่าการส่งเสริมให้เกิดลัทธิเกลียดเหล้าหรือเกลียดคนดื่มเหล้า” นายบุญช่วย กล่าว
ทั้งนี้ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (27 ตุลาคม 2549) สชอ. ได้ร่วมกับ “ชมรมรักกันเตือนกัน” ในมูลนิธิธรรมศาสตร์ ประกอบด้วยเครือข่ายนักศึกษา 60 สถาบันจัดสัมมนาในหัวข้อ “รู้ทันแอลกอฮอล์” ที่มหาวิทยาลัยพายัพ จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นกิจกรรมต่อเนื่อง จากที่ได้จัดสัมมนานักศึกษาที่กรุงเทพฯ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันการบริโภคแอลกอฮอล์ของเยาวชน โดยมุ่งเน้นการไม่จำหน่ายเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ทุกชนิดในสถานศึกษาและบริเวณโดยรอบสถานศึกษา และการไม่จำหน่ายเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์แก่ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปีเพื่อป้องกันการเกิดนักดื่มหน้าใหม่
นายสุวิทย์ กิ่งแก้ว ที่ปรึกษาอาวุโสสมาคมผู้ค้าปลีกไทย กล่าวว่า ในเรื่องการตรวจบัตรผู้ซื้อแอลกอฮอล์นั้น ผู้ค้าปลีกได้เตรียมการร่วมกับ สชอ. และเครือข่ายนักศึกษามา 1 เดือนแล้ว เพราะเป็นมาตรการที่ทั้ง 2 ฝ่ายต้องร่วมมือกัน ที่ผ่านมา นักศึกษาไม่ค่อยให้ความร่วมมือ เมื่อซื้อที่ร้านเซเว่น อีเลฟเว่น ไม่ได้ ก็หันไปซื้อจากหาบเร่ แผงลอยและร้านขายส้มตำแทน
“สมาคมผู้ค้าปลีกไทย โดยร้านเซเว่น อีเลฟเว่น ทั้ง 3,000 สาขาทั่วประเทศ รวมทั้งสมาคมภัตตาคารไทย พร้อมที่จะให้ความร่วมมือกับภาครัฐไม่จำหน่ายแอลกอฮอล์แก่เยาวชนอายุต่ำกว่า 20 ปีอย่างเคร่งครัด นอกจากนี้ ร้านเซเว่น อีเลฟเว่น ที่อยู่ในมหาวิทยาลัยต่างๆ ก็ไม่มีการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แล้ว”
เอกชนระดมความคิด มาตรการโฆษณาส่งผลกระทบรุนแรง
นางสาวสิริพร สงบธรรม รองนายกสมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การห้ามโฆษณาจะส่งผลให้ระบบการตลาดถูกบิดเบือน เพราะช่องทางการสื่อสารเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ถึงผู้บริโภคถูกปิดกั้น รวมถึงสิทธิ์ในการรับรู้ข่าวสารเกี่ยวกับสินค้า และเลือกซื้อสินค้าของผู้บริโภคถูกจำกัดเช่นกัน ทำให้การสร้างแบรนด์และการสื่อสารเกี่ยวกับแบรนด์ต่อผู้บริโภคจะถูกลดคุณค่าลง เนื่องจากช่องทางการสื่อสารถูกจำกัดดังกล่าว และจะทำให้เกิดการใช้กลยุทธ์ด้านราคาเพื่อจูงใจลูกค้าแทน
สำหรับการยกเว้นให้สามารถถ่ายทอดสดเหตุการณ์จากต่างประเทศทางวิทยุโทรทัศน์ จะทำให้เกิดการแข่งขันทางการค้าที่ไม่เป็นธรรม เพราะเปิดช่องให้แบรนด์จากต่างประเทศมีข้อได้เปรียบในการแข่งขันเหนือแบรนด์ในประเทศ แม้ภาครัฐจะชี้แจงว่า ไม่ได้เป็นการเลือกปฏิบัติเพราะไม่ได้ยกเว้นยี่ห้อใดยี่ห้อหนึ่งในการถ่ายทอดสด แต่เมื่อพิจารณาแล้วจะเห็นว่าเป็นการสร้างความได้เปรียบให้กับแบรนด์ต่างประเทศ เพราะเมื่อถ่ายทอดสดแบรนด์ต่างประเทศจะคุ้มกว่ามากเนื่องจากมีฐานลูกค้าอยู่ทั่วโลก ขณะที่แบรนด์ไทยและผู้ประกอบการรายเล็กจะเสียเปรียบเพราะไม่คุ้มที่จะไปจัดกิจกรรมในต่างประเทศและถ่ายทอดสดเข้ามาเฉพาะในประเทศไทยประเทศเดียว
นายศักรินทร์ ช่อไสว ผู้จัดการสมาคมโรงแรมไทย กล่าวว่าการท่องเที่ยวเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้เข้าประเทศปีละ 300,000-400,000 ล้านบาท และก่อให้เกิดการจ้างงานและสร้างรายได้ให้กับคนในประเทศตามสถานภาพและการลงทุน การห้ามโฆษณาแอลกอฮอล์เป็นมาตรการที่ขัดแย้งกับนโยบายของประเทศในการส่งเสริมการท่องเที่ยว และทำลายบรรยากาศการท่องเที่ยว ภาครัฐควรจะพิจารณาถึงนโยบายของประเทศคู่แข่ง ตลอดจนพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวทั่วโลกที่เดินทางเข้ามาประเทศไทยด้วย
“ขณะนี้ผู้ประกอบการธุรกิจด้านการท่องเที่ยว เช่น โรงแรม บริษัทท่องเที่ยว เกิดความไม่มั่นใจในทางปฏิบัติจากข้อจำกัดต่างๆ จากนโยบายของภาครัฐ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการลงทุนและการดำเนินงานในอนาคต เช่น หาก โรงแรมจะจัดเทศกาลอาหารและไวน์ โรงแรมก็ไม่สามารถลงโฆษณาในใบปลิวเชิญชวนนักท่องเที่ยวได้ แล้วจะจัดงานได้อย่างไร จึงอยากให้ภาครัฐทบทวนมาตรการห้ามโฆษณาแอลกอฮอล์อีกครั้ง หรือให้มีการชะลอการบังคับใช้ไปก่อน เพื่อให้ทุกฝ่ายได้มีการศึกษาถึงผลกระทบโดยรวมอีกครั้ง”
นางปวรวรรณ กุลมงคล นายกสมาคมภัตตาคารไทย กล่าวว่า มาตรการห้ามโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จะส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการร้านอาหารทั่วประเทศที่จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยร้านอาหารทั้งหมดจะต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นจากที่แต่ก่อนเคยได้รับการสนับสนุนจากผู้ประกอบการธุรกิจแอลกอฮอล์ เช่น ค่าใช้จ่ายในการผลิตเมนูอาหาร การจัดทำป้ายหน้าร้าน และอุปกรณ์บนโต๊ะอาหาร เป็นต้น ซึ่งเพียงแค่แก้วน้ำที่ต้องใช้ในร้านอาหารทั่วประเทศที่จะต้องนำไปทำลายและผลิตขึ้นใหม่คิดเป็นมูลค่าถึง 100 ล้านบาท
“และที่สำคัญคือต่อไปนี้ การจัดมหกรรมอาหารต่างๆ ที่ภาครัฐพยายามจัดขึ้นเพื่อส่งเสริมอาหารไทยจะไม่สามารถจัดได้เลย ต่อไปเราไม่สามารถใช้เต็นท์ ร่ม โต๊ะ เก้าอี้ จานชาม แก้วน้ำ ที่เคยได้รับการสนับสนุนจากบริษัทแอลกอฮอล์ได้ เพราะว่ามีโลโก้ของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ติดอยู่ และแม้ว่าภาครัฐจะผ่อนผันว่าให้ใช้สีแทนได้ นั่นหมายถึงบริษัทแอลกอฮอล์ต้องไปทำใหม่ทั้งหมด ซึ่งจะต้องใช้ระยะเวลานานเท่าไร อยากให้ภาครัฐพิจารณาทบทวนอีกครั้งก่อนที่จะมีการประกาศใช้ในเดือนหน้านี้”
นางสาวสุนันท์ ภูเวียง ผู้จัดการโครงการ บริษัท ฟิลด์ อิมแพ็ค (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทจัดหาพนักงานพีจี หรือสาวเชียร์เบียร์ กล่าวว่า บริษัทฯ มีความกังวลต่ออนาคตของพนักงานพีจีทั่วประเทศที่มีจำนวนหลักหมื่นจากผลกระทบของการห้ามโฆษณานี้ว่า จะส่งผลให้พนักงานต้องตกงานหรือไม่ ซึ่งไม่ใช่การถูกเลิกจ้างโดยนายจ้าง แต่โดยกฎหมายที่รัฐบาลออกมาบังคับใช้
“แม้ว่ารัฐจะอนุโลมให้มีสาวเชียร์เบียร์ได้ โดยให้บริษัทแอลกอฮอล์ใช้สีแทนโลโก้ แต่หากบริษัทแอลกอฮอล์ไม่เอากับความคิดนี้ น้องๆ พวกนี้จะเป็นอย่างไร เรายังไม่แน่ใจในอนาคตของพวกเขา สาวเชียร์เบียร์ส่วนใหญ่จะเป็นนักศึกษาหารายได้เพื่อเรียนหนังสือ บางบริษัทที่รับงานเฉพาะกลางคืนอย่างเดียวเชื่อว่าคงต้องปิดตัวอย่างแน่นอน”
นายปริญ มาลากุล ณ อยุธยา ผู้อำนวยการฝ่ายกิจการองค์กร บริษัท ไทยเอเชีย แปซิฟิค บริวเวอรี่ จำกัด ผู้แทนจากกลุ่มผู้ประกอบการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์กล่าวว่า ผู้ประกอบการพร้อมให้ความร่วมมือกับภาครัฐในการแก้ไขปัญหาแอลกอฮอล์อย่างเต็มที่ แต่ที่ผ่านมาภาครัฐและภาคเอกชนไม่เคยมีการพูดคุยกัน ซึ่งที่จริงแล้วหากจะออกมาตรการหรือนโยบายสาธารณะที่จะมีผลกระทบในวงกว้างเช่นนี้ ภาครัฐควรเปิดโอกาสให้ผู้เกี่ยวข้องอย่างผู้ประกอบการได้ร่วมนำเสนอข้อมูลและแสดงความคิดเห็นมากกว่าแค่เข้าไปรับฟังคำชี้แจง สำหรับครั้งนี้เห็นว่าการห้ามโฆษณาไม่ได้แก้ปัญหาที่ถูกจุด จึงขอให้ภาครัฐพิจารณาทบทวนให้รอบคอบอีกครั้ง เพราะมาตรการนี้ไม่ได้ช่วยลดปัญหาการบริโภคแอลกอฮอล์อย่างไม่เหมาะสม ทั้งปัญหาการดื่มก่อนวัยและการดื่มเกินพอดีเลย
สชอ. ประกอบด้วยสมาคมการค้าในประเทศไทย ได้แก่ สมาคมผู้ค้าปลีกไทย สมาคมโรงแรมไทย สมาคมภัตตาคารไทย สมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย สมาคมโฆษณาธุรกิจแห่งประเทศไทย สมาคมป้ายและโฆษณา สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สมาคมส่งเสริมวัฒนธรรมเพื่อสร้างสรรค์สังคม ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ได้แก่ บริษัท ริชมอนเด้ (บางกอก) จำกัด บริษัท ไทยเอเชีย แปซิฟิค บริวเวอรี่ จำกัด บริษัท บาคาร์ดี (ประเทศไทย) บริษัท สยามไวเนอรี่ เทรดดิ้งพลัส จำกัด จำกัดตลอดจนธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง ได้แก่ ธุรกิจพนักงานส่งเสริมการตลาด ธุรกิจจัดกิจกรรมการตลาดและโฆษณา เป็นต้น และสถาบันทางด้านวิชาการ เช่น มูลนิธิธรรมศาสตร์ในพระบรมราชูปถัมภ์ และมูลนิธิแพทย์ทางเลือกแห่งประเทศไทย
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โปรดติดต่อ:
สมาพันธ์เพื่อช่วยภาครัฐลดปัญหาจากการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ (FACT)
โทร :0 2559 0252-4 โทรสาร: 0 2559 0256
อาซิแอม เบอร์สัน-มาร์สเตลเลอร์
วราพร / สาธิดา
โทร: 0 2252 9871

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๒ พ.ย. รีเลชั่นชิพรีพับบลิค แนะกลยุทธ์สำคัญ นำพาธุรกิจร้านอาหารสู่ความสำเร็จ มัดใจลูกค้าให้อยู่หมัด
๒๒ พ.ย. ชมนวัตกรรมสุดล้ำในงาน METALEX 2024 หลายแบรนด์แกะกล่องเครื่องจักรครั้งแรกในงานนี้
๒๒ พ.ย. Bangkok Illustration Fair 2024 สู่การเติบโตก้าวใหญ่ในปีที่ 4
๒๒ พ.ย. ผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลโดย IMD ประจำปี 2567 TMA เผยไทยครองอันดับ 37 ในการจัดอันดับด้านดิจิทัลปีนี้
๒๒ พ.ย. โก โฮลเซลล์ จัดเต็มสินค้า ส่งสุข สุดอร่อย เฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปี เข้มกระเช้าปีใหม่ดีมีมาตรฐาน พร้อมชู อาหารแช่แข็ง-อาหารสด
๒๒ พ.ย. กทม. จับมือสถานทูตเนเธอร์แลนด์ ประจำประเทศไทย จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ ACTIVE Workshop เมืองเดินเท้า และจักรยานสัญจร ครั้งที่
๒๒ พ.ย. สัมผัสความหรูหราของวิลล่าริมทะเล VEYLA NATAI RESIDENCES ผ่านประสบการณ์เหนือระดับในงาน SOUL of VEYLA
๒๒ พ.ย. 'แอสเซทไวส์' จับมือ 'สยามกีฬา' เปิดศึกลูกหนังยุวชนทัวร์นาเมนต์ใหญ่แห่งปี AssetWise Siamkeela Cup 2024-25 ต่อเนื่องเป็นปีที่
๒๒ พ.ย. โรงแรมเรเนซองส์ เปิดตัว R FINDS แพลตฟอร์มดิจิทัลระดับโลก ที่จะเชื่อมมนต์เสน่ห์ชุมชนท้องถิ่นสู่นักเดินทางทั่วโลก
๒๒ พ.ย. electric.neon.lamp หยิบเพลงฮิต แม้ ใส่ฟีลดนตรีเหงาปนเศร้าในแบบ Piano Version