เอไอเอสชี้แจงข้อเท็จจริง กรณีถูกพาดพิงในทุกประเด็นชี้ทุกอย่างอยู่บนพื้นฐานการทำธุรกิจอย่างโปร่งใส

จันทร์ ๑๓ พฤศจิกายน ๒๐๐๖ ๑๖:๐๒
กรุงเทพฯ--13 พ.ย.--เอไอเอส
นายสมประสงค์ บุญยะชัย ประธานกรรมการบริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์เซอร์วิส จำกัด (มหาชน)หรือ เอไอเอส ได้กล่าวถึงการที่สองผู้ประกอบการสื่อสารโทรคมนาคม อันประกอบด้วย ดีแทค และ ทรูมูฟ ได้ร่วมกันแถลงข่าว และออกเอกสารเผยแพร่ผ่านสื่อมวลชนแขนงต่าง ๆ โดยพาดพิงเอไอเอส นั้น ทางเอไอเอสขอเรียนให้ทราบว่า การกระทำและการเผยแพร่ดังกล่าว เป็นการให้ข้อมูลไม่ครบถ้วน อีกทั้งยังสร้างความสับสนคลุมเครือให้กับสังคมอย่างไม่ชอบธรรม
“ผมถือว่าการออกมาแถลงเรื่องราวต่างๆ โดยให้ข้อมูลไม่ครบถ้วนที่เป็นสิ่งที่ไม่ชอบธรรมและไม่สร้างสรรค์ในเชิงการแข่งขันด้านธุรกิจ และอาจเป็นเหตุให้เกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน” เอไอเอส จึงขอให้ข้อมูลเพิ่มเติมในกรณีต่าง ๆดังนี้
ประการแรก การดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการแต่ละรายนั้นอยู่ภายใต้สัญญาร่วมการงานที่เกิดขึ้นต่างเวลาและต่างคู่สัญญากัน โดยเอไอเอสได้ ทำสัญญาร่วมการงานกับ องค์การโทรศัพท์ฯ ซึ่งวันเริ่มทำสัญญา 27 มี.ค. 33 เอไอเอส จ่ายผลตอบแทนตามสัญญาให้กับองค์การโทรศัพท์ฯ เป็นค่าสิทธิการใช้คลื่นความถี่ในการประกอบกิจการ รวมค่าเชื่อมโยงโครงข่ายและการใช้เลขหมายไว้แล้ว สำหรับของดีแทคได้ทำสัญญาร่วมการงานกับ การสื่อสารฯ ในวันเริ่มทำสัญญา 14 พ.ย. 33 โดยดีแทค จ่ายผลตอบแทนตามสัญญาให้กับการสื่อสารฯ เป็นค่าสิทธิการใช้คลื่นความถี่ในการประกอบกิจการ เพราะการสื่อสารฯ ไม่มีโครงข่ายใช้งานและเลขหมายในประเทศ ดีแทคจึงได้ขอใช้โครงข่ายขององค์การโทรศัพท์ฯและได้ทำข้อตกลงเรื่องค่าเชื่อมโยงโครงข่าย (Access Charge) กับองค์การโทรศัพท์ฯ เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2537 เพื่อขอใช้โครงข่าย ซึ่งเอไอเอสก็มิได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับสัญญา และข้อตกลงที่ดีแทคทำทั้งกับการสื่อสารฯ และองค์การโทรศัพท์ฯเหล่านั้นเลย
นอกจากนั้น ดีแทคมักกล่าวอ้างเพียงด้านเดียวว่า มีภาระเรื่องส่วนแบ่งรายได้ บวกค่าเชื่อมโยงโครงข่ายสูงกว่าคู่แข่ง ทั้งๆ ที่ตกลงยินยอมทำสัญญา และข้อตกลงนั้นด้วยตนเอง แต่ดีแทคไม่เคยกล่าวถึงข้อได้เปรียบของสัญญาด้านอื่นๆ เช่น สัญญาร่วมการงานที่ ดีแทค ทำกับการสื่อสารฯนั้น ได้รับการจัดสรรคลื่นความถี่ Digital ถึง 75 MHz ซึ่งเป็นจำนวนที่มากเกินกว่าที่ผู้ประกอบการใดๆได้รับมา ดูคล้ายกับเป็นการกักกันคลื่นความถี่ไม่ให้มีผู้ประกอบการรายใหม่เข้ามาในตลาดได้ ทำให้ดีแทคมีสิทธิในคลื่นความถี่เหนือคู่แข่งขันเป็นอันมาก การจะพิจารณาเรื่องสัญญาต่างๆ ให้เท่าเทียม และเป็นธรรมตามอ้าง ต้องพิจารณาให้ครบทุกๆ ด้าน ไม่ใช่เฉพาะเรื่องส่วนแบ่งรายได้อย่างเดียว ประการสำคัญดีแทคได้มีการนำคลื่นบางส่วน (25 MHz) โอนไปให้ WCS (12.5 MHz) และ SAMART (12.5 MHz) ในอดีต โดยเรียกร้องค่าโอนสิทธินั้นเพิ่มเติมจากผู้รับสิทธิหรือไม่? และได้นำรายได้จากค่าโอนสิทธิดังกล่าวนั้นแบ่งให้แก่ กสท. หรือไม่เช่นกัน นอกจากนี้ปัจจุบันคลื่นของดีแทคที่เหลือ 50 MHz ก็ยังถือว่ามากเกินไป เพราะว่าผู้รับสิทธิช่วงต่อจากดีแทคซึ่งมีขนาดความถี่เพียง 12.5 MHz ก็ยังสามารถดำเนินกิจการได้ ซึ่งหากภาครัฐนำคลื่นความถี่ดังกล่าวกลับคืนไปจัดสรรให้ผู้ประกอบการใหม่ จะเพิ่มผู้ประกอบการได้อย่างน้อยอีก 3 ราย
ประการที่สอง เรื่องการจ่ายส่วนแบ่งรายได้ของพรีเพดนั้น เดิมการให้บริการเป็นชนิดโพสต์เพดทั้งสิ้น เมื่อมีการออกพรีเพด ซึ่งถือเป็นสินค้าต่างชนิดกัน ทั้งการคิดด้านต้นทุน และรายได้ ดีแทคจึงได้ทำหนังสือขอเสนออัตราค่าเชื่อมโยงโครงข่ายของบริการพรีเพด จาก 200 บาท เป็นอัตราร้อยละ 18 ของรายได้จากราคาบัตรไปยังองค์การโทรศัพท์ฯ และองค์การโทรศัพท์ฯเห็นชอบตามข้อเสนอของดีแทค ทั้งนี้เพื่อให้เกิดประโยชน์แก่ผู้บริโภคจึงยอมลดให้ และได้ลงนามในข้อตกลงดังกล่าว ตั้งแต่ 2 เม.ย. 44 มาจนถึงขณะนี้ ซึ่งทรูมูฟก็ได้รับสิทธิในลักษณะเดียวกันไปด้วย ทำให้เอไอเอสมีหนังสือถึงองค์การโทรศัพท์ฯ เพื่อขอความชอบธรรมเมื่อ 5 มี.ค. 44 โดยมีการเสนอให้คำนวณจากหลักการด้านต้นทุน รายได้ที่เหมาะสม และทางองค์การโทรศัพท์ฯก็มีคณะทำงาน พิจารณาเห็นว่า สินค้าพรีเพดดังกล่าวมีส่วนแบ่งรายได้ (ค่าสิทธิ / ค่าใช้โครงข่าย ซึ่งใช้น้อยกว่าโพสต์เพด) เป็น 20% ก็เหมาะสมกับสินค้าพรีเพดดังกล่าว เพื่อให้เกิดการแข่งขันที่เท่าเทียมกันและเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภคโดยองค์รวม ซึ่งเป็นการอนุมัติหลังได้หลักการการอนุมัติให้แก่ดีแทค ตามที่เอไอเอสขอความชอบธรรมและได้ลงนามในสัญญาใช้อัตราดังกล่าว ตั้งแต่ 15 พฤษภาคม 2544 เป็นต้นมา โดยปัจจุบันดีแทคได้รับประโยชน์จากสิทธิดังกล่าวเป็นเงิน 47,762 ล้านบาท และถ้าทำการคำนวณตามฐานลูกค้าที่มีอยู่จะได้รับประโยชน์ไปจนสิ้นสุดอายุสัญญาเป็นเงินประมาณ 2 แสนล้านบาท ส่วนทรูมูฟได้รับประโยชน์จากสิทธิดังกล่าวเช่นกันเป็นเงิน 21,311 ล้านบาท และจะได้รับประโยชน์ไปจนสิ้นสุดอายุสัญญาเป็นเงินประมาณ 1 แสน ล้านบาท
ประการต่อมาที่กล่าวหาว่า เอไอเอสใช้อำนาจกดดันคู่แข่งขัน ด้วยการลดอัตราค่าบริการที่ต่ำกว่าต้นทุนนั้น ไม่เป็นความจริง โดยนโยบายเอไอเอสยึดถือการแข่งขันโดยใช้คุณภาพของเครือข่าย ซึ่งสามารถพิสูจน์ได้จากเอกสารโฆษณาต่างๆในอดีตที่ผ่านมา และจากเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้นมาโดยตลอด การลดอัตราราคาต่ำนั้น คู่แข่งเป็นผู้เริ่มทำก่อน เอไอเอสทำหลังคู่แข่งมาโดยตลอด และการลดก็ลดอยู่ในราคาเดียวกับที่คู่แข่งลด ซึ่งทำเพื่อรักษาลูกค้าของเอไอเอสไว้ โดยผลประโยชน์ทั้งหมดนั้นก็ตกอยู่กับผู้บริโภค
เรื่องของการคงเลขหมายโทรคมนาคม ( Number Portability) ก็เป็นเรื่องที่เอไอเอสเห็นชอบตั้งแต่ต้นมาโดยตลอด เพราะเชื่อว่าเป็นการเพิ่มทางเลือกให้แก่ผู้บริโภค และเอไอเอสเองก็ได้ดำเนินการเตรียมความพร้อมไว้แล้วเช่นกัน เพราะเอไอเอสเชื่อว่า Number Portability จะก่อให้เกิดผลดีแก่การดำเนินธุรกิจของเอไอเอส
ดังนั้น จึงขอเรียนให้ทราบถึงข้อมูลโดยครบถ้วนดังกล่าว และเอไอเอสขอยืนยันว่าเรามีความมุ่งมั่นในการทำธุรกิจที่ตั้งอยู่บนบริษัทธรรมภิบาล (Good Governance) โปร่งใส และตรวจสอบได้ อีกทั้ง มุ่งดูแลลูกค้า โดยให้บริการที่พัฒนาคุณภาพและมาตรฐานอย่างไม่หยุดยั้ง จึงขอเชิญชวนให้ผู้ที่ประกอบธุรกิจนี้ ร่วมกันพัฒนาบริการและมีการแข่งขันทางการตลาดอย่างสร้างสรรค์ เพื่อประโยชน์สูงสุดของลูกค้า ไม่ใช่มุ่งหวังแต่เรียกร้องผลประโยชน์เพื่อตัวเองอย่างที่เป็นอยู่ “
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ส่วนงานประชาสัมพันธ์ เอไอเอส
วราลี จิรชัยศรี, 0 2299 5063, 08 1811 2412, [email protected]
ฉัตรกุล สุนทรบุระ, 0 2687 4123, 08 1846 9889, [email protected]

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๓๑ ม.ค. รู้จักโรคอ้วนดีแล้ว.จริงหรือ?
๓๑ ม.ค. บมจ.ไทยเซ็นทรัลเคมี ร่วมกับ MBK ส่งมอบปฏิทินในกิจกรรม ปฏิทินเก่ามีค่า เราขอ
๓๑ ม.ค. BSRC ออกหุ้นกู้รอบใหม่ 8,000 ล้านบาท ยอดจองเกินเป้า ตอกย้ำความเชื่อมั่นของผู้ลงทุน
๓๑ ม.ค. คปภ. ร่วมสัมมนาประกันภัย ครั้งที่ 29 เตรียมรับมือความเสี่ยงอุบัติใหม่ พลิกโฉมธุรกิจประกันภัยสู่ความท้าทายในอนาคต
๓๑ ม.ค. มอบของขวัญให้กับครอบครัวของคุณช่วงวันหยุดพิเศษที่ สเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก สุขุมวิท
๓๑ ม.ค. OR เปิดตัว CEO คนใหม่ หม่อมหลวงปีกทอง ทองใหญ่ มุ่งผลักดันไทยสู่ Oil Hub แห่งภูมิภาค พร้อมขับเคลื่อนองค์กรด้วยดิจิทัล-นวัตกรรม
๓๑ ม.ค. เดลต้า ประเทศไทย คว้ารางวัล ASEAN's Top Corporate Brand ประจำปี 2567
๓๑ ม.ค. โรงแรมอลอฟท์ กรุงเทพ สุขุมวิท 11 พลิกโฉมใหม่ สุดโมเดิร์น! พร้อมเปิดตัว w xyz bar ตอกย้ำความสนุกในแบบฉบับ
๓๑ ม.ค. PAUL JOE เปิดตัว GLOSSY ROUGE ต้อนรับฤดูใบไม้ผลิ 2025
๓๑ ม.ค. บริษัท โกซอฟท์ (ประเทศไทย) ได้รับเกียรติบัตรศูนย์ รับเรื่องและแก้ไขปัญหาให้กับผู้บริโภคระดับดีเด่น จาก สคบ. และการรับรองมาตรฐาน ISO