กรุงเทพฯ--30 ต.ค.--จร.
ในวันศุกร์ที่ 27 ตุลาคม 2549 ที่ผ่านมา นายปาสคาล ลามี ผู้อำนวยการองค์การการค้าโลกได้เยือนสหรัฐฯ เพื่อหารือกับคณะทำงานของนายจอร์จ ดับเบิลยู บุช เพื่อผลักดันการเจรจารอบโดฮาให้เกิดความสำเร็จ โดยจะปักหลักอยู่ในเมืองวอชิงตันจนถึงวันที่ 7 พฤศจิกายน ศกนี้ ซึ่งตรงกับวันเลือกตั้งสภาคองเกรสของสหรัฐฯ การเยือนครั้งนี้ ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าสังเกตและน่าจับตามอง เนื่องจากผู้อำนวยการองค์การการค้าโลกไม่เคยเยือนประเทศใดนานเช่นนี้มาก่อน เป็นไปได้ว่าครั้งนี้ นายลามีให้ความสำคัญอย่างมากในการผลักดันสหรัฐฯ เพื่อให้การเจรจารอบโดฮาดำเนินการต่อไปได้ เพราะสหรัฐฯ ถูกพิจารณาว่าเป็นประเทศที่มีความสำคัญและมีอิทธิพลมากที่สุดในการนำการเจรจากลับมาสู่ปกติได้
ทั้งนี้ ผู้แทนจากหลายประเทศสมาชิกมองว่าหลังการเลือกตั้งดังกล่าว เชื่อว่าประธานาธิบดีบุชจะสามารถเริ่มขยับท่าทีของตนได้บ้าง โดยเฉพาะการลดการอุดหนุนภายในลง ซึ่งถือเป็นประเด็นที่สหภาพยุโรป กลุ่ม G-20 และอีกหลายประเทศสมาชิกพิจารณาว่าจะเป็นประเด็นที่สามารถนำการเจรจากลับมาสู่สภาวะปกติได้ หากการเยือนของนายลามีครั้งนี้ประสบความสำเร็จ และมีการส่งสัญญานที่ดีจากสหรัฐฯ ผู้แทนระดับสูงจากหลายประเทศมีความเห็นว่า ควรรีบจัดประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสในต้นเดือนธันวาคมศกนี้ทันที เพื่อหารือแนวทางการเจรจารอบโดฮาต่อไป
อย่างไรก็ดี หลายประเทศมองว่า ในขณะที่นายลามีพยายามผลักดันสหรัฐฯ แต่นายลามีเองก็แทบไม่มีอะไรในมือ ที่จะมาจูงใจประเทศสมาชิกให้หันมาเจรจากันต่อ เพราะหลายเรื่องยังคงตกลงกันไม่ได้เช่นเดิม และยังไม่มีความคืบหน้าเท่าที่ควร เช่น สหรัฐฯ ก็ยังคงกล่าวย้ำท่าทีเดิมที่เคยให้ไว้ตอนเดือนตุลาคมปีที่แล้ว ในเรื่องของการลดการอุดหนุนภายใน ส่วนสหภาพยุโรปเองก็ยังไม่ได้แสดงความยืดหยุ่นในการลดภาษีสินค้าเกษตรของตนเองลงเลย ทำให้เป็นไปได้ค่อนข้างยากที่ช่วงเวลาดังกล่าวจะนำการเจรจากลับมาสู่ปกติ ระยะเวลาที่น่าจะเป็นไปได้ คือ การประชุมระดับรัฐมนตรีการค้าที่จะจัดขึ้น ณ เมืองดาวอส ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ในระหว่างวันที่ 24-28 มกราคม 2550
- พ.ย. ๒๕๖๗ องค์กรคลังสมองอินเดียเผย บรรทัดฐานใหม่เกี่ยวกับการใช้สารกำจัดศัตรูพืชส่งผลกระทบต่อการส่งออกสินค้าเกษตรของประเทศกำลังพัฒนา
- พ.ย. ๕๖๐๐ COTTON USA ประกาศว่า สหประชาชาติกำหนดให้ 7 ต.ค. เป็น "วันฝ้ายโลก" ลงปฏิทินถาวร
- พ.ย. ๒๕๖๗ WTO กำชับสมาชิก การใช้มาตรการห้ามส่งออกในช่วงวิกฤติโควิด-19 ต้องเป็นไปตามกฎ