กรุงเทพฯ--22 ธ.ค.--ฟิทช์ เรทติ้งส์
บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศ (National Rating) ระยะยาวที่ระดับ ‘AA (tha)’ แก่หุ้นกู้ค้ำประกันทั้ง 3 ชุด จำนวน 7.6 พันล้านบาท ของบริษัท โฮลซิม แคปปิตอล (ประเทศไทย) จำกัด โดยหุ้นกู้ชุดที่ 1 ครบกำหนดไถ่ถอนในปี 2551 ชุดที่ 2 ครบกำหนดไถ่ถอนในปี 2553 และชุดที่ 3 ครบกำหนดไถ่ถอนในปี 2555 แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ
อันดับเครดิตภายในประเทศของหุ้นกู้ดังกล่าว สะท้อนถึงการค้ำประกันในลักษณะไม่มีเงื่อนไขและไม่สามารถเพิกถอนได้จากบริษัท โฮลซิม ลิมิเต็ด จำกัด (Holcim) ในวงเงินค้ำประกันที่กำหนดไว้ที่ไม่เกิน 8.8 พันล้านบาท ซึ่งสามารถครอบคลุมการชำระหนี้ภายใต้หุ้นกู้ดังกล่าวได้เต็มจำนวน Holcim ได้รับการจัดอันดับเครดิตสากลระยะยาวที่ระดับ ‘BBB+’ แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพและอันดับเครดิตสากลระยะสั้นที่ระดับ ‘F2’ ซึ่งมีอันดับต่ำกว่าอันดับเครดิตสากลระยะยาวประเภทสกุลเงินบาท (International Long-term Local Currency Issuer Default Rating) ของประเทศไทยที่ระดับ ‘A’ แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ อยู่ 2 อันดับ ดังนั้นอันดับเครดิตในประเทศของหุ้นกู้มีประกันดังกล่าวจึงมีอันดับต่ำกว่าอันดับเครดิตภายในประเทศของประเทศไทยที่ระดับ ‘AAA (tha)’ อยู่ 2 อันดับเช่นกัน ทั้งนี้ ความแตกต่างระหว่างอันดับเครดิตของ Holcim และของประเทศไทยที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตอาจส่งผลกระทบต่ออันดับเครดิตภายในประเทศของหุ้นกู้มีประกันดังกล่าวได้ โดยที่การปรับเปลี่ยนอันดับเครดิตสากลหนึ่งอันดับอาจนำไปสู่การปรับเปลี่ยนอันดับเครดิตภายในประเทศมากกว่าหนึ่งอันดับได้
อันดับเครดิตของผู้ค้ำประกันหรือ Holcim สะท้อนถึงสถานะความเป็นผู้นำทางการตลาดในระดับสากลและผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย โดย Holcim เป็นหนึ่งในผู้ผลิตและผู้จำหน่ายซีเมนต์และหินก่อสร้างรายใหญ่ของโลก ด้วยยอดขายกว่า 1.8 หมื่นล้านฟรังก์สวิสและกำลังการผลิตซีเมนต์กว่า 160 ล้านตัน ณ สิ้นปี 2548 ความแข็งแกร่งดังกล่าวมีปัจจัยสนับสนุนมาจากการที่ Holcim มีการกระจายกิจการครอบคลุมภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลกโดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดละตินอเมริกา แอฟริกาตะวันออกกลาง ยุโรปตอนกลางและยุโรปตะวันออก และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งมีอัตราการเติบโตของตลาดและความสามารถในการทำกำไรที่สูงกว่าตลาดที่อิ่มตัวแล้ว ความสามารถในการขยายกิจการเพื่อเข้าถึงตลาดทั่วโลกอย่างกว้างขวางนี้เป็นกลยุทธ์ที่สำคัญของ Holcim ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งช่วยลดผลกระทบจากความผันผวนของวัฏจักรธุรกิจในช่วงที่ผ่านมาด้วย อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง ประกอบกับอัตรากำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษีเงินได้ ค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่ายและค่าเช่า (EBITDAR Margin) ของ Holcim ที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มธุรกิจเดียวกัน รวมถึงโครงสร้างหนี้สินที่อยู่ในระดับปานกลางโดยได้รับการยืนยันจากผู้บริหารของ Holcim ในความพยายามที่จะรักษาสถานะดังกล่าวให้ได้อย่างต่อเนื่อง ในขณะที่อัตราส่วนทางเครดิตของ Holcim ได้ลดความแข็งแกร่งลงในปี 2548 อันเป็นผลจากการระดมทุนในรูปของหนี้สินเพื่อซื้อกิจการในช่วงที่ผ่านมา การเพิ่มทุนจำนวน 1.7 พันล้านฟรังก์สวิสได้เสริมความแข็งแกร่งทางด้านการเงินขึ้น ฟิทช์มองว่าความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดของบริษัทจะช่วยทำให้ระดับหนี้สินในอนาคตลดลงได้อย่างต่อเนื่องถ้าบริษัทมีแผนการใช้จ่ายเงินในการซื้อกิจการที่ลดลง นอกจากนี้ Holcim ยังมีสภาพคล่องในระดับที่สูงจากปริมาณของเงินสดในมือและวงเงินสินเชื่อที่ยังไม่ได้เบิกใช้ที่มีอยู่ในระดับสูง
บริษัท โฮลซิม แคปปิตอล (ประเทศไทย) จำกัด เป็นบริษัทที่ถูกจัดตั้งขึ้นในประเทศไทยในปี 2541 ซึ่งถือหุ้นโดยบริษัท ไทย ร็อค-เซม จำกัด 51% และโดยบริษัทโฮลเดอร์ฟิน บีวี 49% โดยหุ้นของบริษัท ไทย ร็อค-เซม จำกัด จำนวน 49% ถูกถือโดยบริษัทโฮลซิม พาทิซิเพชั่นส์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูก 100% ของบริษัทโฮลเดอร์ฟิน บีวี ที่ถือหุ้นทั้งหมดโดย Holcim ซึ่งเป็นผู้ค้ำประกันหุ้นกู้ ทั้งนี้วัตถุประสงค์หลักในการจัดตั้งบริษัท โฮลซิม แคปปิตอล (ประเทศไทย) จำกัด ขึ้นนั้นเพื่อระดมทุนและให้การสนับสนุนทางการเงินแก่บริษัทในกลุ่ม โดยนับตั้งแต่ถูกจัดตั้ง บริษัท โฮลซิม แคปปิตอล (ประเทศไทย) จำกัด มีกิจกรรมทางธุรกิจที่จำกัดและไม่มีรายได้หลัก บริษัท โฮลซิม แคปปิตอล (ประเทศไทย) จำกัด ได้นำเงินจากการออกหุ้นกู้ค้ำประกันไปให้บริษัทที่เกี่ยวข้องกันกู้ยืม ซึ่งได้แก่ บริษัท ไทย ร็อค-เซม จำกัด และบริษัท โฮลซิม พาทิซิเพชั่นส์ (ประเทศไทย) จำกัด ดังนั้นกระแสเงินสดหลักที่นำมาชำระดอกเบี้ยและคืนเงินต้นของหุ้นกู้ค้ำประกันดังกล่าวจะมาจากดอกเบี้ยรับและการคืนเงินกู้ยืมระหว่างกันจากบริษัทที่เกี่ยวข้องทั้งสองแห่ง บริษัท ไทย ร็อค-เซม จำกัด และบริษัท โฮลซิม พาทิซิเพชั่นส์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้ถูกจัดตั้งขึ้นโดยกลุ่ม Holcim เพื่อทำการลงทุนในประเทศไทย กระแสเงินสดหลักของบริษัทไทย ร็อค-เซม จำกัด ได้มาจากเงินปันผลรับจากเงินลงทุนในหุ้นจำนวน 31% ของบริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้ผลิตปูนซีเมนต์รายใหญ่อันดับ 2 ของประเทศไทย ในขณะที่บริษัท โฮลซิม พาทิซิเพชั่นส์ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้ถือหุ้นของบริษัท ไทย ร็อค-เซม จำกัด กระแสเงินสดหลักจะมาจากเงินปันผลรับจากบริษัทลูกดังกล่าว อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตของหุ้นกู้ดังกล่าวตั้งอยู่บนพื้นฐานของการค้ำประกันโดย Holcim ดังกล่าวข้างต้น
หมายเหตุ : การจัดอันดับเครดิตภายในประเทศ (National Ratings) เป็นการวัดระดับความน่าเชื่อถือในเชิงเปรียบเทียบกันระหว่างองค์กรในประเทศนั้นๆ โดยจะใช้ในประเทศที่อันดับเครดิตแบบสากลของรัฐบาลในประเทศนั้นอยู่ในระดับที่ค่อนข้างต่ำ อันดับเครดิตขององค์กรที่ดีที่สุดของประเทศได้จัดไว้ที่ระดับ “AAA” และการจัดอันดับเครดิตอื่นในประเทศ จะเป็นการเปรียบเทียบความเสี่ยงกับองค์กรที่ดีที่สุดนี้เท่านั้น อันดับเครดิตภายในประเทศได้ถูกจัดทำขึ้นเพื่อใช้ในตลาดในประเทศเป็นหลักและจะมีสัญลักษณ์ที่กำหนดไว้ต่อท้ายจากอันดับเครดิตสำหรับประเทศนั้นๆ เช่น “AAA(tha)” ในกรณีของประเทศไทย ดังนั้นอันดับเครดิตภายในประเทศจึงไม่สามารถใช้เปรียบเทียบระหว่างประเทศได้
ติดต่อ
วสันต์ ผลเจริญ, Vincent Milton, +662 655 4755
Elisabetta Zorzi, Milan, +39 02 8790 87213
คำจำกัดความของอันดับเครดิตและการใช้อันดับเครดิตดังกล่าวของ ฟิทช์ เรทติ้งส์ สามารถหาได้จาก www.fitchratings.com อันดับเครดิตที่ประกาศ หลักเกณฑ์และวิธีการจัดอันดับเครดิต ได้แสดงไว้ในเว็บไซต์ดังกล่าวตลอดเวลา หลักจรรยาบรรณ การรักษาข้อมูลภายใน ความขัดแย้งทางผลประโยชน์ที่อาจเกิดขึ้น แนวทางการเปิดเผยข้อมูลระหว่างบริษัทในเครือ กฏข้อบังคับรวมทั้งนโยบายและกระบวนการที่เกี่ยวข้องอื่นๆของฟิทช์ ได้แสดงไว้ในส่วน ‘หลักจรรยาบรรณ’ ในเว็บไซต์ดังกล่าวเช่นกัน