กรุงเทพฯ--25 เม.ย.--สตีล อินเตอร์เทค
ผู้ถือหุ้น STEEL ยิ้มแก้มปริ วันนี้อนุมัติจ่ายเงินปันผล 0.22 บาท/หุ้น ด้านผู้บริหารคาดรายได้ปีนี้ขยายตัว 40% จากปีก่อนที่มีรายได้ 327.61 ลบ. จากการเพิ่มสินค้าใหม่ 2 ประเภท พร้อมเน้นการขายที่ครบวงจรและเป็นระบบมากขึ้น เพื่อขยายฐานลูกค้า ส่วนสถานการณ์ราคาเหล็กพุ่ง ช่วยหนุนรายได้บริษัทเพิ่ม เหตุลูกค้าเร่งตัดสินใจซื้อสินค้า พร้อมประเมินราคาเหล็กยังมีโอกาสไปต่อถึงปลายปี จากความต้องการที่มีอยู่สูง
คุณประสิทธิ์ อุ่นวรวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สตีล อินเตอร์เทค จำกัด (มหาชน) หรือ STEEL เปิดเผยถึงผลการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2549 วันนี้ว่า ผู้ถือหุ้นได้มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลประจำปี 2549 สำหรับผลการดำเนินงานวันที่ 1 มกราคม - 31 ธันวาคม 2548 ในอัตราหุ้นละ 0.22 บาท ซึ่งมีกำหนดการจ่ายเงินปันผลวันที่ 9 พฤษภาคม 2549
สำหรับทิศทางการดำเนินงานปีนี้ ผู้บริหารรายเดิม เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ ขยายตัว 40% จากปีก่อนที่มีรายได้ 327.61 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทจะมีการเพิ่มสินค้าตัวใหม่ 2 ประเภท คือ หลังคาลอนใหม่ V-750 และตัวแปเหล็กกล้ากำลังสูง C&Z Purlins ทั้งนี้บริษัทยังได้มีการเตรียมสั่งซื้อเครื่องรีดลอนหลังคา High Rib และเครื่องรีดตัวแป C&Z Purlins ซึ่งจะสามารถผลิตสินค้าได้ในเดือน มิถุนายน 2549 นอกจากนี้บริษัทได้มีการเปลี่ยนรูปแบบการขายสินค้าแบบใหม่ที่ครบวงจรมากขึ้น โดยจะขายสินค้าแบบโดยรวม ทั้งโครงสร้าง หลังคา และฝาผนัง เพื่อขยายฐานลูกค้าเพิ่มขึ้น ซึ่งจากเดิมบริษัทเน้นขายเฉพาะหลังคา หรือ ฝาผนัง เท่านั้น
"ตลาดแผ่นเหล็กหลังคายังมีการขยายตัวต่อเนื่องทุกปี เฉลี่ยปีละ 10 % และบริษัทยังมีโครงการต่างๆเข้ามาอย่างต่อเนื่อง อาทิ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์, โชว์รูมโตโยต้าโคราช, บริษัทโกลเด้น บิลด์ จำกัด (โครงการโตโยต้าธนบุรี ร่มเกล้า), อุตสาหกรรมสับปะรดกระป๋องไทย เป็นต้น ส่วนโครงการที่รับรู้รายได้ในปีนี้ได้แก่ Impact Challenger ,โรงงานเฟอร์นิเจอร์บริษัท วิลลี่ คอมฟอร์ท จำกัด , J.A.S. PERSONAL CARP FACTORY,ยูโรเปี้ยน ฟู้ด , อาคารเก็บสินค้า และอาคารสำนักงานบริษัท จตุรวัชร คอนสตรัคชั่น จำกัด , อาคารสำนักงาน และโกดัง Eternity Logistics Co., Ltd."
เขากล่าวถึงทิศทางราคาเหล็กรีดเย็นว่า ในขณะนี้ได้ทำการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมาราคาได้ปรับตัวขึ้นเฉลี่ย 10% เนื่องจากความต้องการเหล็กที่มีสูงขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากราคาเหล็กในตลาดโลกที่ปรับตัวขึ้น และยังมีแนวโน้มที่จะปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจนถึงปลายปี 2549 ส่วนแนวโน้มธุรกิจหลังคาเหล็กยังมีทิศทางการเติบโตที่ดี เนื่องจากธุรกิจดังกล่าวมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง เพราะหลังคาเหล็กไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม และปัจจุบันได้เริ่มมีการใช้หลังคาเหล็ก เพื่อทดแทนหลังคากระเบื้องที่มีสารที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย พร้อมกันนี้บริษัทจะการเน้นการขายที่เป็นระบบมากขึ้น ซึ่งจะเพิ่มมูลค่าสินค้าและการบริการให้ลูกค้ามีความพอใจมากที่สุด
"จากสถานการณ์ราคาเหล็กที่ปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เชื่อว่าจะมีส่วนช่วยผลักดันให้รายได้ของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้นตามไปด้วย เพราะการที่ราคาเหล็กปรับตัวเพิ่มขึ้น จะส่งผลให้ลูกค้าตัดสินใจในการสั่งซื้อสินค้าเร็วขึ้น เนื่องจากกังวลว่าราคาเหล็กจะปรับตัวสูงขึ้นไปอีก" คุณประสิทธ์กล่าวในที่สุด
ข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ
คุณ จุฬารัตน์ เจริญภักดี
โทร 02-278-2770 ต่อ 14
หรือ 09-488-8337