กรุงเทพฯ--25 ต.ค.--สปส.
สำนักงานประกันสังคม แจ้งผู้ประกันตนรับสิทธิกรณีสงเคราะห์บุตร ตุลาฯ นี้เป็นต้นไป ไม่ต้องยื่นหลักฐานการมีชีวิตอยู่ของบุตรแล้ว สปส.พร้อมใช้ระบบสารสนเทศช่วยตรวจสอบ ผู้มีสิทธิแทน เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกและลดภาระผู้ประกันตน
นายไพโรจน์ สุขสัมฤทธิ์ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน กล่าวว่า จากการที่สำนักงานประกันสังคมได้กำหนดให้ระหว่างวันที่ 1 — 31 ตุลาคม ของทุกปี ผู้ประกันตนหรือผู้มีสิทธิรับประโยชน์ทดแทนกรณีสงเคราะห์บุตรทุกคนจะต้องยื่นแสดงหลักฐานการมีชีวิตอยู่ของบุตรเป็นประจำทุกปี ปีละ 1 ครั้ง ซึ่งอาจเป็นภาระยุ่งยากในการจัดเตรียมเอกสารของผู้ประกันตน
ดังนั้น เพื่อช่วยลดภาระผู้ประกันตน ไม่ต้องเสียเวลาเตรียมเอกสาร ขณะนี้ สำนักงานประกันสังคม ได้ร่วมมือกับกรมการปกครอง นำระบบสารสนเทศมาใช้ในการตรวจสอบข้อมูล การมีชีวิตอยู่ของบุตร ของผู้ประกันตนที่มีสิทธิรับประโยชน์ทดแทน ส่งผลให้ตั้งแต่เดือนตุลาคมนี้ เป็นต้นไป ผู้ประกันตนไม่ต้องแสดงหลักฐานการมีชีวิตอยู่ของบุตรต่อสำนักงานประกันสังคม
ทั้งนี้ในกรณีที่สำนักงานประกันสังคม ไม่สามารถตรวจสอบหรือมีข้อสงสัยการมีชีวิตอยู่ของบุตรทางสำนักงานฯ จะมีหนังสือแจ้งไปยังผู้มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีดังกล่าว ให้นำหลักฐาน เช่น สำเนาทะเบียนบ้าน หรือเอกสารที่ทางราชการออกให้ หรือหนังสือรับรองของเจ้าพนักงานฝ่ายปกครอง หรือข้าราชการตั้งแต่ระดับ 3 หรือเทียบเท่าขึ้นไป มาแสดงต่อเจ้าหน้าที่สำนักงานประกันสังคมเขตพื้นที่หรือสำนักงานประกันสังคมจังหวัด ภายใน 30 วัน นับจากวันที่ได้รับหนังสือแจ้ง ส่วนกรณีบุตรที่มีสัญชาติอื่นที่ไม่ใช่สัญชาติไทย ให้แสดงหลักฐานการมีชีวิตอยู่ของบุตรเช่นเดิม
สำหรับสิทธิประโยชน์กรณีสงเคราะห์บุตร นั้น ผู้ประกันตนที่มีสิทธิต้องเป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 และ 39 จ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 12 เดือน ภายในระยะเวลา 36 เดือนก่อนมีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทน ส่วนบุตรที่จะได้รับการสงเคราะห์นั้นต้องเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายอายุไม่เกิน 6 ปีบริบูรณ์ โดยได้รับประโยชน์ทดแทนจากสำนักงานประกันสังคมเดือนละ 350 บาท ต่อบุตร 1 คน จนกว่าบุตรจะมีอายุครบ 6 ปีบริบูรณ์ และขอรับประโยชน์ได้คราวละไม่เกิน 2 คน ผู้ประกันตนท่านใดมีข้อสงสัยสามารถสอบถามได้ที่สำนักงานประกันสังคมทุกแห่งทั่วประเทศ หรือสายด่วน 1506
ศูนย์สารนิเทศ โทรศัพท์/โทรสาร 0 2956 2534 www.sso.go.th