กรุงเทพฯ--21 ก.ค.--ธนาคารกรุงไทย
ผลประกอบการงวดครึ่งปีแรก ธนาคารกรุงไทยมีกำไรสุทธิ 8,620 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปีก่อน 1,001 ล้านบาท เฉพาะไตรมาส 2 มีกำไรสุทธิ 3,816 ล้านบาท สูงกว่าระยะเดียวกันของปีก่อนร้อยละ15.60 ชี้เพราะการบริหารจัดการที่ดีขึ้น ส่วน NPL ลดลงต่อเนื่อง
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยผลประกอบการธนาคารสำหรับงวด 6 เดือน สิ้นสุด ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2549 ว่าธนาคารมีกำไรก่อนหักภาษีเงินได้นิติบุคคลจำนวน 12,135 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปีก่อน 3,305 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 37.43 และมีกำไรสุทธิ 8,620 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปีก่อน 1,001 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 13.15
สำหรับผลประกอบการเฉพาะไตรมาส 2 ปี 2549 ธนาคารมีกำไรก่อนหักภาษีเงินได้นิติบุคคล จำนวน 5,631 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปีก่อน 1,884 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 50.28 และมีกำไรสุทธิ 3,816 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปีก่อน 515 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 15.60
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ กล่าวต่อไปว่า กำไรของธนาคารในครึ่งปีแรกนี้สูงกว่าเป้าหมายที่ธนาคารได้กำหนดไว้ และสูงกว่าระยะเดียวกันของปีก่อน ทั้งที่ธนาคารต้องชำระภาษีเงินได้นิติบุคคลจำนวน 3,515 ล้านบาท ขณะที่ระยะเดียวกันของปีก่อนชำระเพียง 1,212 ล้านบาท ทั้งนี้เนื่องจากธนาคารมีการบริหารจัดการที่ดีขึ้น มีระบบการบริหารความเสี่ยง อีกทั้งธนาคารได้ขยายสาขาและเครื่อง ATM เพิ่มขึ้นจำนวนมาก ทำให้มีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิและค่าธรรมเนียมรับเพิ่มขึ้น
ในครึ่งปีแรก ธนาคารมียอดสินเชื่อ 902,698 ล้านบาท มียอดเงินฝาก 1,005,287 ล้านบาท มีรายได้จากดอกเบี้ยและเงินปันผลสุทธิจำนวน 23,062 ล้านบาท ส่วนยอด NPL ได้ปรับลดลงจาก 97,635 ล้านบาท ในสิ้นปี 2548 เหลือ 91,912 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราส่วน 9.67 % ของยอดสินเชื่อรวม และในปีนี้ นอกจากธนาคารได้กันสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญเป็นการทั่วไปเพิ่มเติมอีกเดือนละ 300 ล้านบาท ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 แล้ว ธนาคารยังได้กันสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญเพิ่มอีกจำนวน 1,000 ล้านบาท เพื่อให้เกิดความสมดุลระหว่างความมั่นคงของธนาคารและผลตอบแทนสำหรับผู้ถือหุ้น
รายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ
ฝ่ายสื่อสารการตลาดและประชาสัมพันธ์
โทร. 0-2208-4174-7